นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ(ยูเอ็นจีเอ) สมัยสามัญ ครั้งที่ 73 ที่สำนักงานใหญ่ยูเอ็น ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยเรียกร้องให้นานาชาติโดดเดี่ยวอิหร่าน
เนื้อหาในถ้อยแถลงของทรัมป์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นข้อความที่แสดงถึงความอวดดี กระหายสงคราม และปราศจากความละอาย ทั้งยังทำให้อิหร่านออกมากล่าวหาว่า ทรัมป์พยายามที่จะโค่นล้มรัฐบาลอิหร่านชุดปัจจุบัน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ทรัมป์ระบุว่าอิหร่านเป็นผู้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสับสนวุ่นวาย ความตาย และการทำลายล้าง ซึ่งเป็นเหตุผลให้เขาต้องถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ชาติตะวันตกทำกับอิหร่าน เพราะไม่สามารถปล่อยให้ชาติที่สนับสนุนการก่อการร้ายครอบครองอาวุธที่อันตรายที่สุดในโลกได้ พร้อมกับเรียกร้องให้นานาชาติโดดเดี่ยวอิหร่านที่ยังคงมีพฤติกรรมที่ถือเป็นการรุกรานประเทศอื่น
ผู้นำสหรัฐยังใช้โอกาสนี้ตำหนินายนิโกลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา รวมถึงสถาบันระหว่างประเทศอย่างศาลโลก และยังเรียกเสียงหัวเราะจากผู้นำโลกด้วยการกล่าวยกย่องผลงานของรัฐบาลภายใต้การนำของเขา ด้วยการชูนโยบาย ‘อเมริกาต้องมาก่อน’ ซึ่งเป็นนโยบายที่สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายไปทั่วโลกในปัจจุบัน
ในทางตรงกันข้าม ทรัมป์ได้กล่าวชื่นชมนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งถือเป็นเป้าหลักในการโจมตีของเขาในการกล่าวถ้อยแถลงในเวทียูเอ็นจีเอปีเมื่อที่ผ่านมา โดยชื่นชมผู้นำเกาหลีเหนือว่ามีความกล้าหาญ แต่มาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือจะยังต้องคงอยู่ต่อไป
ขณะที่นายฮัดซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงโดยยืนยันพันธกรณีของอีหร่านต่อข้อตกลงนิวเคลียร์ และยังเยาะเย้ยทรัมป์ว่าเป็นผู้นำที่วิปริตผิดปกติ ซึ่งมีพฤติกรรมโดดเดี่ยวตนเอง เขายังแสดงท่าทีไม่สนใจข้อเสนอให้อิหร่านกลับสู่โต๊ะเจรจากับสหรัฐ และว่าสหรัฐไม่สามารถหลอกลวงใครได้ว่าไม่ได้มีความพยายามที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในอิหร่าน
ที่มา มติชนออนไลน์