สหรัฐอเมริกาและชาติตะวันตกที่ถือเป็นพันธมิตรสำคัญ ประกอบด้วย อังกฤษ แคนาดา และเนเธอร์แลนด์ ร่วมกันกล่าวหารัสเซียว่ากระทำการก่อเหตุโจมตีโลกไซเบอร์กับองค์กรต่างๆ ภายใต้พฤติกรรมที่ถูกระบุว่า เป็นการกระทำของรัสเซีย ซึ่งเป็นรัฐที่ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมระหว่างประเทศ
ภายใต้ข้อกล่าวหาร่วมกันดังกล่าวประเทศเหล่านี้ระบุว่า หน่วยข่าวกรองรัสเซียอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุโจมตีทางไซเบอร์กับหน่วยงานเฝ้าระวังการใช้อาวุธเคมีของโลก หรือโอพีซีดับเบิลยู ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ พรรคเดโมแครต องค์กรกีฬาโลก รวมถึงบริษัทเวสติงเฮาส์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
ผู้นำเนเธอร์แลนด์และอังกฤษได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน กล่าวหาหน่วยข่าวกรองทหารรัสเซียว่าเพิกเฉยต่อสิ่งที่ถือเป็นคุณค่าร่วมกันของโลก พร้อมทั้งระบุว่าการโจมตีทางโลกไซเบอร์ของหน่วยงานรัสเซียเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเนเธอร์แลนด์ได้ขับเจ้าหน้าที่จากหน่วยข่าวกรองทหารรัสเซีย 4 คนที่พยายามก่อเหตุโจมตีทางไซเบอร์ต่อโอพีซีดับเบิลยู ซึ่งขณะนั้นกำลังทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสารพิษที่มีการใช้กับนายเซร์เก สกรีปาล อดีตสายลับ 2 หน้าชาวรัสเซีย และยูเลีย บุตรสาวในอังกฤษ และยังพบอุปกรณ์รบกวนสัญญาณไวไฟในรถที่คนเหล่านี้เช่ามาจอดไว้นอกโรงแรมที่พักซึ่งอยู่ติดกับโอพีซีดับเบิลยู โดยทั้งหมดเดินทางเข้าเนเธอร์แลนด์ด้วยพาสปอร์ตนักการทูตรัสเซีย
ขณะที่รัสเซียออกมากล่าวหาชาติตะวันตกว่ากำลังตกอยู่ในภาวะบ้าคลั่งเกี่ยวกับสายลับ โดยกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียชี้ว่าข้อกล่าวหาที่มีต่อรัสเซียเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อโดยมีเป้าหมายต่อรัสเซียเท่านั้น