สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตัวเเทนอสังหาริมทรัพย์อิสระรายใหญ่ในอังกฤษ เผยว่า หากราคาบ้านยังคงสูงขึ้น สหราชอาณาจักรอาจสูญเสียการครอบครองที่อยู่อาศัยได้
“พอล สมิธ” หัวหน้าผู้บริหารฮาเบอร์กล่าวว่า การที่ไม่สามารถเข้าถึงจุดวิกฤติ และกระตุ้นให้รัฐบาลยุติการค้ากำไรมากเกินไปส่งผลกระทบโดยตรง ตัวเลขอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่าราคาของบ้านเฉลี่ยในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในตอนเเรกอยู่ที่ 1 หมื่นปอนด์ เพิ่มขึ้นเป็น 223,000 ปอนด์ หรือราว 9.5 ล้านบาท
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
สำนักงานสถิติแห่งชาติสำนักทะเบียนที่ดินและหน่วยงานอื่น ๆ เปิดเผยตัวเลขร่วมกันว่า ระหว่างเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8% ซึ่งในเดือนมิถุนายนราคาเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9%
รายงานระบุเพิ่มเติมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อัตราการเติบโตประจำปีชะลอตัวลงตั้งแต่กลางปี 2016 แต่ก็ยังคงอยู่ที่ประมาณร้อยละ 5 ในปีนี้
“ราคาบ้านยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องโดย แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักรต้องเตรียมเงินราว 1 หมื่นปอนด์ขึ้นไป เพื่อใช้ในการซื้อบ้าน” สมิธ กล่าว
หัวหน้าผู้บริหารฮาเบอร์ กล่าวต่อถึง การปรับขึ้นราคาสินค้า บวกกับค่าเเรงที่ลดลง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำไร เเละเศรษฐกิจที่เข้าขั้นวิกฤติ เห็นได้จากภาพการลงทะเบียนผู้ซื้อครั้งแรกลดลงเกือบร้อยละ 20% ในปีนี้
สมิธ เรียกร้องให้รัฐบาลตัด “ภาษีอากรแสตมป์” (ภาษีตามประมวลรัษฎากรประเภทหนึ่ง) เพื่อลดภาระในการหาซื้อบ้าน เนื่องจากภาษีการทำธุรกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงล่าสุดมีอัตราค่าบริการภาษีราว 3% ในเดือนเมษายนปีที่แล้ว สำหรับการซื้ออพาร์ทเมนท์
“การแก้ปัญหาควรมีความชัดเจน รัฐบาลต้องหยุดการทำกำไรมากเกินไป โดยการตัดภาษีอากรแสตมป์ พร้อมใส่ใจเจ้าของบ้าน หากไม่เห็นการแบ่งแยกที่ครอบคลุมชัดเจน เกรงว่าในอนาคตเศรษฐกิจด้านทรัพย์สินในอังกฤษจะมีความเสี่ยงเกินไป”เขากล่าว