“อเมซอน” ตั้ง HQ ใหม่ 2 แห่ง ดันราคาอสังหาฯพุ่งข้ามคืน

ล่าสุด “อเมซอน” ประกาศเลือก “เมืองลองไอส์แลนด์” มหานครนิวยอร์ก และ “เมืองอาร์ลิงตัน” รัฐเวอร์จิเนีย ให้เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ (HQ) แห่งใหม่ โดย “เจฟฟ์ เบโซส” ซีอีโอของอเมซอน ประกาศจะลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์สำหรับสำนักงานใหญ่แห่งที่ 2 และ 3 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นในปีหน้า พร้อมให้คำมั่นจะช่วยสร้างงานให้คนท้องถิ่น 50,000 ตำแหน่ง และจะนำภาษีจำนวนมากเข้าสู่เมืองเพื่อให้เกิดการพัฒนา

ซึ่งตามเงื่อนไขของอเมซอนที่ระบุว่า สถานที่ตั้งอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ต้องอยู่ใกล้กับสนามบินขนาดใหญ่ อยู่ในเขตเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยมากกว่า 1 ล้านคน รวมถึงมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการทำธุรกิจและระบบขนส่งมวลชนที่สมบูรณ์

โดยผู้ว่าการทั้ง 2 รัฐ เสนอจะสนับสนุนในการปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ รวมถึงจัดฝึกอบรมพนักงานที่มีทักษะด้านไอที ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลของอเมซอนที่เลือก 2 เมืองนี้

ทั้ง 2 รัฐได้เสนอมาตรการจูงใจต่ออเมซอนมากกว่าเมืองอื่น ๆ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยรัฐนิวยอร์กได้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี 1.2 พันล้านดอลลาร์ ผูกมัดกับการจ้างงานของอเมซอน รวมถึงการใช้ลานจอดเฮลิคอปเตอร์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ส่วนเวอร์จิเนียเสนอเงินช่วยเหลือปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ 573 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของอเมซอนแต่ละแห่งจะมีพื้นที่ขนาด 8 ล้านตารางฟุต

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนกำลังกังวล คือ ราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่จะเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปัญหาการจราจรติดขัดรุนแรง โดยเฉพาะในนครนิวยอร์กซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทชั้นนำมากมาย เช่น กูเกิล และเฟซบุ๊ก

“อารอน เทอร์ราซัส” นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทซิลโลว์ นักพัฒนาอสังริมทรัพย์จากสหรัฐ กล่าวว่า การตัดสินใจของอเมซอนที่จะเปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ กำลังสร้างปรากฏการณ์ให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับตัวสูงขึ้นเพียง 2 วันหลังจากที่อเมซอนประกาศพบว่านายหน้าธุรกิจอสังหาฯใน 2 เมืองดังกล่าวเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เนื่องเพราะคำมั่นของทั้งอเมซอนและผู้ว่าการรัฐทั้ง 2 ว่าเตรียมจะลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของอเมซอนในระยะยาว

นายแกรี่ มาลิน หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ความเสี่ยงของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Citi Habitats ในนครนิวยอร์ก ระบุว่า บทเรียนที่เกิดขึ้นใน “ซีแอตเติล” ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่แห่งแรกของอเมซอน

ทั้ง 2 เมืองจำเป็นต้องศึกษาอย่างละเอียด โดยปัญหาที่เกิดขึ้นในซีแอตเติล คือ ราคาอสังหาริมทรัพย์กระโดดขึ้นสูงถึง 73% และราคาสำหรับเช่าเพิ่มขึ้น 31% ในช่วง 5 ปีหลังจากที่อเมซอนเข้าไปลงทุน ซึ่งสร้างความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยมากขึ้น

อีกหนึ่งความน่ากังวลสำหรับนครนิวยอร์ก คือ ปัญหาการจราจรที่จะย่ำแย่มากขึ้น โดยปัจจุบันนิวยอร์กติดเป็น 1 ใน 5 รัฐที่มีปัญหาดังกล่าวมากที่สุด