ระหว่าง “ขู่” กับ “ขอ”
คุณว่าแบบไหนจะให้“ผลดี”กว่ากัน?
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
การ“ข่มขู่”อาจจะทำให้ “คนกลัว”
แต่การ“ขอร้องดีๆ”อาจทำให้“คนทำตาม”อย่างง่ายดาย!!!
เรื่องนี้เจ้าหน้าที่สรรพากรเมืองซีราคิวส์รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ลองทำแล้ว
และให้ผลดีเกินคาด เมื่อสามารถเก็บภาษย้อนหลังได้เกินกว่าเป้าและเกินกว่าที่คาดไว้!!!
จากข่าวเล่าว่า สำนักงานสรรพากรเมืองซีราคิวส์ ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยซีราคิวส์
และแม็กซ์เวล แล็บ ทดลองให้เจ้าหน้าที่เขียนจดหมายด้วยลายมือ
จำนวนหลายพันฉบับส่งถึงเจ้าของบ้าน เจ้าของที่ดินที่ยัง”ติดค้างเงินภาษี”ให้ไปชำระภาษี
แทนที่จะส่งจดหมายตามแบบฟอร์มราชการเพื่อทวงเงินค่าภาษีเหมือนเคย
โดยในจดหมายที่เขียนด้วยลายมือนอกจากจะเขียนชื่อที่อยู่จ่าหน้าถึงเจ้าของบ้านโดยตรง
ภายในยังมีเนื้อหาระบุขั้นตอนปฎิบัติว่าต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อจะได้ไม่ถูกลงโทษตามกฎหมาย
ปรากฎว่า สามารถเก็บเงินภาษีย้อนหลังได้ 1,500,000 ดอลลาร์หรือราว 49.5 ล้านบาท
มากกว่าที่คาดไว้ถึง 57 %
ลีโอนาร์ด ผู้อำนวยการแม็กซ์เวล แล็บ ที่ร่วมในการทดลองครั้งนี้
สรุปว่าการที่เราปฎิบัติต่อผู้อื่นในฐานะที่เขาเป็นมนุษย์เหมือนเราย่อมให้ผลดีเสมอ
ที่มา มติชนออนไลน์