ยูเอ็น ชี้ “อังกฤษ” ยากจนพุ่ง 40 % จี้ “เบร็กซิท” ยิ่งพาลงเหว

เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงาน สหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวหารัฐบาลอังกฤษว่ากำลัง “ปฏิเสธ” สถานการณ์ “ความยากจน” ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศ จนแบ่งชนชั้นรวย-จนชัดเจน ภายหลัง “เบร็กซิท”

“ฟิลลิป อัลสตัน” ผู้ได้รับมอบหมายภารกิจจากสหประชาชาติ เปิดโปงอังกฤษเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่งคั่งที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

รายงานของอัลสตัน ระบุว่า อัตราความยากจนของเด็กพุ่งสูงขึ้นถึง 40 %โดย 1 ใน 5 ของคนอังกฤษอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนซึ่งรัฐบาลอังกฤษได้กำหนดไว้ ทั้งนี้ 90 % ของครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวยากจนเป็นผู้หญิง

“มันน่ากลัวและไม่จำเป็นสักนิดที่เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลตัดสินใจลดการเก็บเงินภาษีให้กับบรรดาผู้มั่งคั่ง” อัลสตัน กล่าวและต่อว่า เงินส่วนนั้นจะก่อให้เกิดผลต่อสถานการณ์เป็นอย่างมากต่อคนยากจน

อังกฤษต้องเผชิญกับความยากลำบากกว่าทศวรรษตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินโลก เมื่อปี 2008-2009 โดยการไม่จับจ่ายทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ทำให้ภายหลังรัฐบาลอังกฤษต้องปรับแก้ระบบสวัสดิการ เพื่อกระตุ้นให้คนทำงาน ซึ่งโปรแกรมดีงกล่าวใช้ชื่อว่า “ยูนิเวอร์แซล เครดิต” (Universal Credit)

นายกรัฐมนตรีแห่งอังกฤษ “เทราซา เมย์” แย้งว่า เธอสามารถลดอัตราการตกงานจาก 7 % ในปี 2013 เหลือที่ 4.1 % ได้ในเดือนกันยายน

อย่างไรก็ตาม ฟิลลิป อัลสตัน กล่าวว่า การดำเนินการของอังกฤษขัดแย้งกับข้อตกลงอนุสัญญาของสหประชาชาติ โดยเฉพาะเงื่อนไขเกี่ยวกับสิทธิเด็กและสตรี

“ชัดเจนแล้วว่าผลที่เกิดภายหลังการเบร็กซิทคือความยากจน” อัลสตันระบุในรายงาน และต่อว่า อังกฤษสูญเสียเม็ดเงินราวพันล้านปอนด์ในกองทุนสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่สำคัญต่อกลุ่มคนยากจนในหลายพื้นที่ของอังกฤษ