“เทสลา” ทุบราคารถยนต์ รับมือสงครามการค้า

การต่อสู้กันใน “สงครามการค้า” ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนที่ยังยืดเยื้อ ส่งผลให้ราคาสินค้าในจีนขยับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์รัฐบาลปักกิ่งได้เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐเพิ่มเป็น 40% จาก 15% ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา

“เทสลา” ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเคยประกาศว่า คาดหวังอย่างมากที่จะสร้างกำไรมหาศาลในตลาดจีน ที่เป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดของโลก โดยปี 2017 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างรายได้ในตลาดจีน ประมาณ 17% ของรายได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ รอยเตอร์สรายงานว่า เทสลาเตรียมจะปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้า “โมเดลเอ็กซ์” และ “โมเดลเอส” ให้ถูกลง ซึ่งหวังว่าจะช่วยลดผลกระทบจากอัตราภาษีที่สูงขึ้น เพื่อช่วยให้รถยนต์สำหรับลูกค้าชาวจีนสามารถซื้อได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป

“อีลอน มัสก์” ซีอีโอของเทสลา ยืนยันว่าจะลดราคารถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่น ลงประมาณ 12-26% เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพิ่มยอดขายในจีน ซึ่งการปรับลดราคาครั้งนี้จะทำให้รถยนต์ของเทสลามีราคาที่ดึงดูดใจมากขึ้น ในช่วงเวลาที่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในจีน

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา “เทสลา” เป็นค่ายรถแรก ๆ ของสหรัฐที่ประกาศปรับเพิ่มราคารถยนต์ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น โดยปรับเพิ่มราคาขายรถยนต์ทั้งโมเดลเอ็กซ์ และโมเดลเอส ขึ้น 20% หรือราว ๆ 150,000-250,000 หยวน และเดือนที่ผ่านมาก็ประกาศว่า บริษัทเผชิญปัญหาในการจำหน่ายรถในจีน เนื่องจากมาตรการกีดกันทางการค้าทำให้เทสลาต้องเร่งลงทุนในโรงงานที่นครเซี่ยงไฮ้ แทนการนำเข้าจากสหรัฐ