ยูเอ็นเผยผู้อพยพผ่าน ‘เยเมน’ พุ่ง 50% แซงหน้า ‘เมดิเตอร์เรเนียน’

องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน(ไอโอเอ็ม) ซึ่งเป็นสำนักงานภายใต้สังกัดของสหประชาชาติ(ยูเอ็น)ระบุว่า ผู้อพยพที่ใช้เส้นทางจากประเทศเยเมนในปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2560 โดยมีผู้ที่เสี่ยงชีวิตในเส้นทางดังกล่าวมากถึง 150,000 คน

โฆษกของไอโอเอ็มระบุว่า จำนวนผู้อพยพที่ใช้เส้นทางในเยเมนคือผ่านจะงอยแอฟริกาและทะเลแดง แซงหน้าผู้อพยพที่เดินทางออกจากพื้นที่ทางตอนเหนือของแอฟริกาและข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมายังยุโรปในปีนี้ซึ่งอยู่ที่ 107,000 คน

“ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนของสถานการณ์ที่กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ มากกว่าปัญหาการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน”โฆษกไอโอเอ็มกล่าว และว่า การโยกย้ายถิ่นฐานที่มากกว่านี้น่าจะมีเพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเวเนซุเอลา ซึ่งมีผู้คนราว 3,000,000 คนพยายามเดินทางออกนอกประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจ

ผู้อพยพส่วนใหญ่ที่เดินทางมายังเยเมน จะเริ่มต้นการเดินทางด้วยเส้นทางทางบก ส่วนใหญ่มักจะอาศัยเส้นทางผ่านประเทศจิบูตี จากนั้นก็จะลงเรือข้ามอ่าวเอเดนมายังเยเมน ปัจจุบันเส้นทางดังกล่าวถือเป็นเส้นทางอพยพทางทะเลที่หนาแน่นมากที่สุดเส้นทางหนึ่งของโลก

ทั้งนี้ราว 92 เปอร์เซ็นต์ของผู้อพยพเป็นชาวเอธิโอเปีย ส่วนที่เหลือมาจากโซมาเลีย โดยหนึ่งในห้าของผู้อพยพเป็นเด็ก และส่วนใหญ่จะเดินทางโดยปราศจากคนในครอบครัว

นับตั้งแต่ปี 2557 ไอโอเอ็มเก็บสถิติว่ามีผู้เสียชีวิตในทะเลแดงมากกว่า 700 ราย โดยในปีนี้มีผู้เสียชีวิตเนื่องจากจมน้ำในพื้นที่ดังกล่าวถึง 156 ราย ซึ่งแน่นอนว่าตัวเลขที่ปรากฏต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะมีหลายกรณีที่ไม่มีการรายงาน และในหลายครั้งเครือข่ายลักลอบขนผู้อพยพบังคับให้พวกเขากระโดดลงจากเรือทันทีที่เห็นฝั่งอยู่ลิบๆ ซึ่งทำให้ผู้อพยพจำนวนมากจมน้ำเสียชีวิต

ที่มา มติชนออนไลน์