“อิเกีย” พลิกกลยุทธ์ ผุดโมเดลรุกต่างแดน

ท่ามกลางการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ “ธุรกิจออฟไลน์” ยังคงจำเป็นต่อการขับเคลื่อนธุรกิจโดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ ขณะที่ “อิเกีย” มีเป้าหมายใหญ่คือการเข้าถึงลูกค้า 3,000 ล้านคน ด้วยสารพัดโมเดลที่จะใช้ขยายตลาดในต่างประเทศ

“อิเกีย” ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกจากสวีเดน มีแผนการขยายตลาดเพิ่มสาขาอีกหลายสิบแห่ง ในช่วงหลายปีข้างหน้านี้ โดยเฉพาะในอเมริกาใต้ และในเอเชีย “บลูมเบิร์ก” รายงานว่าในปัจจุบันอิเกีย มีสาขาทั้งหมดราว 400 แห่ง ใน 50 ประเทศทั่วโลก และแบ่งเป็นร้านค้าออนไลน์ 35 ประเทศ อาทิ เบลเยียม โรมาเนีย และมาเลเซีย เป็นต้น

นายทอร์บจอร์น ลูฟ ซีอีโอของอินเทอร์ อิเกีย กรุ๊ป กล่าวว่า เป้าหมายใหญ่ที่สุดของ “อิเกีย” ก็คือการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อมากถึง 3,200 ล้านคน ในอีก 7 ปีข้างหน้า เทียบกับปัจจุบันที่เข้าถึงลูกค้าเฉลี่ยปีละ 1,200 ล้านคน ทั้งยังมองว่า ปัจจัยพฤติกรรมของผู้บริโภคในแต่ละประเทศแตกต่างกัน ดังนั้น การที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น จำเป็นจะต้องมีหลากหลายโมเดลธุรกิจมารองรับ

สำหรับแผนการแรกของการบุกตลาดในทวีปอเมริกาใต้ซึ่งคาดว่าจะเริ่มในปี 2019 ในประเทศชิลี โคลอมเบีย และเปรู จะเป็นรูปแบบการขยายธุรกิจผ่านแฟรนไชส์ใหม่ของอิเกีย ที่ชื่อว่า “ฟาลาเบลล่า” ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่จากชิลี โดยตามเป้าหมายในระยะ 10 ปีข้างหน้า สำหรับตลาดแห่งนี้ อิเกียต้องการเปิดทั้งหมด 9 สาขา เนื่องด้วยปัจจัยของประชากรที่รวมกันแล้วเกือบ 100 ล้านคน

นอกจากนี้ อิเกีย ยังให้ความสำคัญกับโมเดล “มินิไซซ์” บนพื้นที่ขนาดไม่ถึง 1,000 ตารางเมตร โดยจะเลือกเปิดให้บริการเฉพาะใจกลางเมืองใหญ่ ในย่านที่มีผู้คนสัญจรไปมาเนืองแน่น ซึ่งปัจจุบันที่เปิดให้บริการไปแล้ว ได้แก่ ฮัมบูร์กเมืองใหญ่อันดับ 2 ของเยอรมนี, ออสโลของนอร์เวย์ และล่าสุดในกรุงลอนดอน และคาดว่าภายในปี 2019 อิเกียจะเตรียมเปิดตัวในกรุงปารีส และโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก

นายลูฟกล่าวว่า อิเกียไม่ได้มองข้ามการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แต่จะพิจารณาจากพฤติกรรมของผู้ซื้อในประเทศนั้น ๆ เป็นหลัก โดยส่วนใหญ่ระบบร้านค้าออนไลน์จะเป็นบริการที่มาพร้อมกับอิเกียโมเดลมินิไซซ์

รายงานของบลูมเบิร์กระบุว่า อีกหนึ่งโมเดลใหม่ของอิเกียที่น่าสนใจ โดยอิเกียมองว่า มีศักยภาพที่จะนำไปใช้ในตลาดเอเชีย เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังนิยมซื้อสินค้าตกแต่งภายในบ้าน และเฟอร์นิเจอร์จากห้างสรรพสินค้ามากกว่าผ่านการช็อปปิ้งออนไลน์ นอกจากนี้ การเดินห้างสรรพสินค้ามักจะมีจุดประสงค์อื่นร่วมด้วย เช่น การรับประทานอาหาร ซื้อเสื้อผ้า และดูภาพยนตร์ เป็นต้น

ล่าสุด “อิงกา โฮลดิ้ง” บริษัทแม่ของอิเกียกรุ๊ป แถลงการณ์เตรียมจะลงทุนสร้างช็อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ในเซี่ยงไฮ้ มูลค่าการลงทุน 1,200 ล้านดอลลาร์ บนพื้นที่ขนาด 430,000 ตารางเมตร โดยจะใช้ชื่อว่า “อิงกาเซ็นเตอร์” ซึ่งคาดว่าจะมีร้านค้ามากกว่า 300 ร้านค้าทั้งจากจีนและต่างประเทศ และเปิดให้บริการภายในปี 2022

นอกจากนี้ อิเกีย ยังมี “ซูเปอร์สโตร์” ในจีนอีก 3 แห่ง ที่เปิดให้บริการแล้วในกรุงปักกิ่ง, หวู่ฮั่น และอู๋ซี และยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างอีก 2 แห่ง ในเมืองซีอาน และฉางชา ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกับที่เปิดตัวในเมืองไฮเดอราบาดของอินเดีย บนพื้นที่ 400,000 ตารางเมตร ทั้งยังมีแผนเตรียมจะเปิดสาขาที่ 2 ในมุมไบปีหน้า

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวว่า การลงทุนขนาดใหญ่ของอิเกีย รวมทั้งแผนก่อสร้างซูเปอร์สโตร์ในจีน เป็นความท้าทายของอิเกีย ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนที่ยังมีความผันผวนสูงจากสงครามการค้า ขณะที่ผู้บริโภคจีนมีความระวังมากขึ้นในการใช้จ่าย

ทั้งนี้ อินเทอร์ อิเกีย กรุ๊ป เปิดเผยว่า กำลังศึกษาตลาดและเตรียมจะเปิดสาขาใหม่ในเม็กซิโก เอสโตเนีย ยูเครน เปอร์โตริโก โอมาน ลักเซมเบิร์ก มาเก๊า และฟิลิปปินส์ ซึ่งอยู่ในแผนขยายตลาดในลอตที่ 2 ของอิเกีย โดยจะเริ่มรุกตลาดในปี 2020

 

 

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
.
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!