นิกเคอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า “จีน” แม้ว่าจะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก และมีอำนาจพอ ๆ กับสหรัฐอเมริกา แต่ความเป็น “ชาตินิยม” ยังถือว่าแข็งแกร่งอยู่มากในปัจจุบัน
ดังนั้นการสร้างความไม่พอใจให้กับบริษัทจีน หรือแม้แต่คนจีน ก็ถือเป็นการเปิดฉากความขัดแย้งของคนเกือบทั้งประเทศ
ชวนให้หวนนึกถึงกรณีของ Dolce & Gabbana หรือที่คุ้นเคยกันว่า “D&G” แบรนด์หรูระดับพรีเมี่ยมสัญชาติอิตาเลียน ที่เปิดตัวคลิปวิดีโอเพื่อโปรโมตงานแฟชั่นโชว์ที่จะจัดขึ้นในนครเซี่ยงไฮ้ แต่เนื้อหากลับเป็นการเหยียดชนชาติจีน กับวัฒนธรรมการคีบตะเกียบ นำไปสู่การบอยคอตแบรนด์ดังกล่าว รวมทั้งยกเลิกการจัดแฟชั่นโชว์อีกด้วย
การจับกุมตัวของซีเอฟโอของบริษัทหัวเว่ย ยักษ์ใหญ่ด้านไอทีอันดับหนึ่งของจีน จึงเป็นการสุมไฟความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐให้กระพือมากขึ้น โดยผลกระทบไม่ใช่แค่ในระดับผู้นำเท่านั้น แต่กำลังลุกลามมาถึงระดับพนักงานในบริษัทจีนหลายแห่งด้วย
รายงานระบุว่า บริษัทจีนกว่า 20 แห่ง ต่างก็ออกมาตรการให้พนักงาน “แซงก์ชั่น” สินค้าของแอปเปิล ทั้งยังกำหนดบทลงโทษสำหรับพนักงานที่ฝ่าฝืนกฎ ตั้งแต่การไม่เสนอชื่อให้เลื่อนตำแหน่ง การถูกหักเงินเดือน ระงับการจ่ายเงินโบนัส ไปถึงการเลิกจ้างงาน
พร้อมกันนี้ บริษัทก็มีนโยบายจูงใจพนักงานให้ใช้หัวเว่ย ด้วยการให้เงินสนับสนุนตั้งแต่ 10-20% สำหรับพนักงานระดับทั่วไป ส่วนในระดับผู้บริหารจะให้เงินสมทบราว 50% เพื่อสนับสนุนการซื้อผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย เป็นต้น
ตัวอย่าง เช่น บริษัท เซี่ยงไฮ้ โยวลั่วเค่อ อิเล็กทรอนิก แอนด์ เทคโนโลยี แจกสมาร์ทโฟนหัวเว่ยแก่พนักงานคนละ 2 เครื่อง ขณะที่บริษัท เสิ่นเจิ้น อี้ต๋าเหิง เทคโนโลยี เสนอให้เงินสนับสนุน 18% สำหรับการซื้ออุปกรณ์จากทั้งหัวเว่ย และแซดทีอี นอกจากนี้ “ฟู่ชุน เทคโนโลยี”ประกาศจะให้เงินแก่พนักงาน 500 หยวน สำหรับการซื้อสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยเช่นเดียวกัน
รวมทั้งร้านค้าบางรายก็เข้าร่วมการบอยคอตดังกล่าว เช่น ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในมณฑลเหอหนาน ที่ประกาศให้ส่วนลด 30% สำหรับพนักงานขายประจำร้านหัวเว่ย รวมถึงลูกค้าที่ซื้อสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์ของหัวเว่ย เพียงแค่แสดงใบเสร็จรับเงิน