เมื่อวันที่ 2 มกราคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ประกาศกร้าวว่าไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนได้ และประชาชนทั้งสองฝ่ายในช่องแคบไต้หวันควรจะต้องแสวงหาการรวมชาติกัน
ประธานาธิบดีสีกล่าวอย่างแน่วแน่ในท่าทีที่มีต่อไต้หวัน ที่มหาศาลาประชาชน ในกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในวาระครบ 40 ปีของการส่งสารถึงเพื่อนร่วมชาติในไต้หวัน ซึ่งเป็นการแถลงนโยบายของจีนว่าด้วยไต้หวัน โดยนายสีกล่าวว่า การรวมชาติจะต้องมีขึ้นภายใต้ “หลักการจีนเดียว” ที่ยอมรับไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน พร้อมกับกล่าวประณามกลุ่มที่สนับสนุนการประกาศเอกราชของไต้หวัน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- หุ้นไทยดิ่งหนัก ตลาดหลักทรัพย์ออก Statement ชี้แจง
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
“ประชาชนทุกคนในไต้หวันจะต้องยอมรับว่าการเป็นเอกราชของไต้หวันมีแต่จะนำมาซึ่งความหายนะอันดิ่งลึกมาสู่ไต้หวัน เรายินดีที่จะทำให้มีพื้นที่ในการรวมชาติอย่างสันติ แต่เราจะไม่ปล่อยให้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในรูปแบบใดๆ เกิดขึ้น” นายสีกล่าวและว่า จีนไม่รับปากว่าจะไม่ใช้กำลังและสงวนทุกทางเลือกจำเป็นที่มีอยู่ในการรวมไต้หวัน พร้อมกับย้ำอีกว่าเรื่องนี้เป็นกิจการภายในของจีนที่จะไม่ยินยอมให้มีการแทรกแซงจากภายนอก
น.ส.ไช่ อิง เหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน ออกมาสวนกลับท่าทีของผู้นำจีนในทันทีว่า ไต้หวันไม่ยอมรับนโยบาย 1 ประเทศ 2 ระบบของจีน และยังกล่าวย้ำว่าการเจรจาข้ามช่องแคบไต้หวันจำเป็นที่จะต้องมีขึ้นแบบรัฐต่อรัฐ พร้อมกับเรียกร้องให้จีนเข้าใจในความคิดและความต้องการของชาวไต้หวันด้วย
ทั้งนี้หลังเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในจีนช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พรรคชาตินิยมได้หลบหนีมายังเกาะไต้หวันในปี ค.ศ.1949 แล้วสถาปนาสาธารณรัฐจีนหรือไต้หวันขึ้นบนเกาะไต้หวัน อย่างไรก็ดีจีนยังคงถือว่าไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของตนเองภายใต้ 1 ประเทศ 2 ระบบ ซึ่งเป็นนโยบายเดียวที่จีนใช้กับฮ่องกับและมาเก๊า ดินแดนใต้อาณัติของตนเองในขณะนี้ แต่ไต้หวันยังคงยืนกรานไม่ยอมรับหลักการดังกล่าว