ชุมนุมกั๊กเหลืองที่ฝรั่งเศสมีคนมากขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อน แต่ความรุนแรงน้อยลง

(Photo by XAVIER LEOTY / AFP)

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า จำนวนสมาชิกของกลุ่ม “เสื้อกั๊กเหลือง” ที่ชุมนุมทั่วฝรั่งเศส เมื่อวันเสาร์ที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ชุมนุมเพิ่มมากขึ้น แต่ลดความรุนแรงน้อยลง

โดยกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศสแจ้งว่า จำนวนผู้ร่วมประท้วงกลุ่มกั๊กเหลืองรอบที่ 9 อยู่ที่กว่า 84,000 คน ทั้งนี้เพื่อขับไล่ประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง ออกจากตำแหน่ง นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยการชุมนุมเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้อยู่ที่ราว 50,000 คนเท่านั้น
ด้านนายคริสตอฟ กาสตาเนอร์ รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศสกล่าวว่า การประท้วงในกรุงปารีสซึ่งมีผู้ชุมนุมราว 8,000 คน เพิ่มขึ้นจากจำนวน 3,000 คนเมื่อสัปดาห์ก่อนแต่ไม่พบว่ามีเหตุรุนแรงใดๆเกิดขึ้น และยังได้กล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ 80,000 นายที่ประจำการทั่วประเทศเพื่อควบคุมสถานการณ์การชุมนุม โดยในจำนวนนี้ประจำอยู่ที่กรุงปารีสถึง 5,000 นาย

อย่างไรก็ตาม แม้การชุมนุมจะดูสงบลง แต่มีรายงานว่า มีผู้สื่อข่าวถูกทำร้ายร่างกายในการรายงานข่าวการชุมนุมในหลายเมือง โดยมีรายงานว่า เป็นครั้งแรกที่กลุ่มผู้จัดการชุมนุมในกรุงปารีส สวมปลอกแขนสีขาวเพื่อคอยคุมกลุ่มผู้ชุมนุม หนึ่งในผู้สวมปลอกแขนระบุว่า การทำดังกล่าวเพื่อให้แน่ใจว่าการชุมนุมจะเป็นไปตามแนวทางและหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าใดๆ และจะไม่มีการตอบโต้การยั่วยุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทั้งนี้ การชุมนุมของกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองเพื่อขับไล่มาครง เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จากความไม่พอใจเรื่องนโยบายการขึ้นภาษีน้ำมันของรัฐบาล ก่อนที่จะกลายมาเป็นการขับไล่มาครงออกจากตำแหน่ง โดยในการชุมนุมเมื่อเดือนพฤศจิกายน มีผู้ออกมาชุมนุมรวมทั้งสิ้นเกือบ 300,000 คน ก่อนที่การชุมนุมทุกวันเสาร์จะมีร่วมชุมนุมลดลงในช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมมีผู้ร่วมชุมนุมราว 66,000 คน

 

ที่มา มติชนออนไลน์