เว็บไซต์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ ของฮ่องกง รายงานเมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมาว่า กลุ่มเพื่อสิ่งแวดล้อมหลายกลุ่มในฮ่องกง ได้เรียกร้องให้รัฐบาลติดตั้งระบบฟอกอากาศในลักษณะเดียวกันกับโครงการ “เซ็นทรัล-หว่าน ไจ๋ บายพาส” โครงการทางยกระดับและอุโมงค์ที่ช่วยลดเวลาการเดินทางระหว่างใจกลางเมืองที่มีระบบฟอกอากาศที่สามารถลดมลพิศษในท้องถนนลงได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ โดยโครงการ “เซ็นทรัล-หว่าน ไจ๋ บายพาส” เตรียมจะเปิดให้รถยนต์สัญจรได้ในวันที่ 20 มกราคมนี้
การเรียกร้องดังกล่าวมีขึ้นหลังรัฐบาลประกาศที่จะเปิดโครงการ “เซ็นทรัล-หว่าน ไจ๋ บายพาส” ที่สร้างด้วยงบ 4,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในวันที่ 20 มกราคมนี้หลังใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 10 ปี โดยเส้นทางดังกล่าวมีทั้งทางยกระดับและอุโมงค์ความยาว 4.5 กิโลเมตร ที่จะช่วยลดความหนาแน่นของการจราจรที่เชื่อมระหว่างใจกลางเมืองและตอนเหนือของฮ่องกงลง และลดเวลาเดินทางจากราวครึ่งชั่วโมงเหลือเพียง 5 นาทีเท่านั้น
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
สิ่งที่ประชาชนสนใจมากที่สุดก็คือระบบเพื่อสิ่งแวดล้อมของ “เซ็นทรัล-หว่าน ไจ๋ บายพาส” ที่มีระบบฟอกอากาศในอุโมงค์ที่นับว่าเป็นระบบฟอกอากาศแรกในฮ่องกง และเป็นระบบฟอกอากาศที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถจัดการกับไอเสียของรถยนต์ได้ชั่วโมงละ 5.4 ล้านลูกบาตรเมตร และเมื่อรวมกับการลดเวลาการเดินทางที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 11,000 ต่อปีแล้ว ก็จะเท่ากับพลังในการดูดซับคาร์บอนของต้นไปจำนวนถึง 480,000 ต้นเลยทีเดียว
ด้านเวิลด์กรีนออร์แกไนเซชั่น หน่วยงานเพื่อสิงแวดล้อมของฮ่องกงได้เรียกร้องให้รัฐบาลฮ่องกงนำระบบฟอกอากาศดังกล่าวไปใช้ในการปรับปรุงคุณภาพอากาศในพื้นที่จราจรหนาแน่นในฮ่องกง โดยเรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจงเกี่ยวกับขึ้นตอนในการนำวัสดุกรองที่เป็นพิษไปจัดการ รวมถึงงบประมาณที่ต้องใช้ด้วย
ด้านเจ้าหน้าที่รรัฐของฮ่องกงเปิดเผยว่าต้นทุนของระบบฟอกอากาศดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 250 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงหรือราว 1,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 5 เปอร์เซ็นต์เป็นงบประมาณสำหรับการบำรุงรักษารายปี
