“อินโดฯ” ฟื้นเจรจา “โสมขาว-ญี่ปุ่น” “ปลุกการค้า-ลงทุน” โชว์ผลงาน

อินโดนีเซียกำลังเร่งสร้างผลงานก่อนถึงวันเลือกตั้งในเดือน เม.ย. 2562 โดยเตรียมฟื้นการเจรจาการค้าทวิภาคีกับ “เกาหลีใต้” หวังดึงดูดนักลงทุนแดนโสมให้เข้าลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษมากขึ้น

รอยเตอร์สรายงานว่า อินโดนีเซียและเกาหลีใต้เตรียมจะกลับมาเจรจาความตกลงการค้า การลงทุนระหว่างกันอีกครั้ง โดย นายเองการ์เตียอัสโต ลูคิตา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของอินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐบาล 2 ประเทศชะลอการเจรจาการค้าการลงทุนมาตั้งแต่ปี 2014 ผลพวงจากการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ในจาการ์ตา ประกอบกับมีปัญหาในเชิงเทคนิคต่าง ๆ

ทั้งนี้ การค้า 2 ทางระหว่างอินโดนีเซียกับเกาหลีใต้ มูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี ต่อเนื่องจนถึงปี 2018 ขณะที่เป้าหมายคือต้องการเพิ่มการค้าระหว่างกันให้ถึง 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 3 ปีข้างหน้าการฟื้นเจรจาการค้าการลงทุนกับเกาหลีใต้ เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงการ “ถูกทอดทิ้ง” ไว้ข้างหลัง ขณะที่ความสัมพันธ์การค้าระหว่างเกาหลีใต้และเวียดนามแน่นแฟ้นมากขึ้น โดยปี 2018 มูลค่าการค้าระหว่างเกาหลีใต้กับเวียดนามสูงถึง 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

“เกาหลีใต้” มีศักยภาพทั้งด้านการค้าการลงทุน ปัจจุบันเป็นนักลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศรายใหญ่อันดับ 5 ในกลุ่มชาติอาเซียน ขณะเดียวกัน “ญี่ปุ่น” ซึ่งมีความสำคัญในฐานะนักลงทุน

รายใหญ่อันดับ 6 ในอาเซียน ดังนั้น รัฐบาลอินโดนีเซียจึงมีแผนจะเจรจาการค้าทั้งกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น หลังการค้าการลงทุนระหว่างกันชะลอตัวเล็กน้อย

ปี 2018 ที่ผ่านมา อินโดนีเซียได้เร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้หลายโครงการคืบหน้าอย่างมาก โดยได้เปิดใช้เส้นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างสนามบินถึง 2 แห่ง แห่งแรกเป็นรถไฟเชื่อมต่อระหว่างสนามบินกัวลานามูกับเมืองเมดาน บนเกาะสุมาตรา แห่งที่ 2 คือ สนามบินนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา สู่ใจกลางย่านธุรกิจในกรุงจาการ์ตา และมีแผนจะเปิดรถไฟเชื่อมสนามบินเพิ่มอีก 3 เมือง คือ เมืองปาเลมบัง, เมืองปาดัง และเมืองสุราการ์ตา ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างก่อสร้าง

โดยคาดหวังโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยในการดึงดูดนักลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 6 แห่ง ซึ่งอินโดนีเซียยอมรับว่า ปัจจุบันการลงทุนในแต่ละเขตเศรษฐกิจพิเศษยังต่ำกว่าเป้าหมาย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกฎระเบียบที่เข้มงวด และอัตราภาษีไม่จูงใจ