ยูนิเซฟเตือนอย่าประมาท หลังปี 2018 โรคหัดระบาดเพิ่มขึ้นทั่วโลก

(Photo by Yuri DYACHYSHYN / AFP)

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) เปิดเผยรายงานเมื่อวันที่ 1 มีนาคมว่า มี 10 ประเทศ ที่มีปริมาณการเพิ่มของผู้ป่วยโรคหัดรวมกันแล้วเท่ากับ 3 ใน 4 ของโรคหัดทั้งโลก ซึ่งรวมทั้งหนึ่งในประเทศมั่งคั่งของโลก อย่างฝรั่งเศส โดยในปี 2018 มี 98 ประเทศ ทีมีผู้ป่วยโรคหัดเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2017 และยูนิเซฟเตือนว่า ความรุนแรง ความประมาท และการเติบโตขึ้นของกลุ่มต่อต้านวัคซีน จะเป็นภัยคุกคามต่อการทำงานเพื่อต่อสู้กับโรคหัดมาหลายสิบปี

รายงานระบุบว่า โรคหัดสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าวัณโรค หรืออีโบลา แต่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนที่มีราคาถูกมาก กระนั้นก็ตาม เมื่อปีที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (ฮู) ระบุว่า จำนวนผู้ป่วยโรคหัดในปี 2018 ได้เพิ่มขึ้นเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัดมากถึงราว 136,000 ราย โดยประเทศยูเครน ฟิลิปปินส์ และบราซิล เป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ที่ประเทศยูเครนประเทศเดียว มีผู้ป่วยมากถึง 35,120 คน ซึ่งมากกว่าเมื่อปี 2017 เกือบ 30,000 คน ส่วนบราซิลมีผู้ป่วย 10,626 คน จากที่ปี 2017 ไม่มีผู้ป่วยเลย ขณะที่ประเทศส่วนใหญ่มีผู้ป่วยโรคหัดเพิ่มขึ้นเนื่องจากความไม่สงบหรือความรุนแรง ประเทศฝรั่งเศส หนึ่งในประเทศผู้มั่งคั่ง กลับมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นถึง 2,269 คน

เฮนริเอตตา ฟอร์ ผู้อำนวยการบริหารของยูนิเซฟ รายงานนี้เป็นการเตือนผู้คนว่า แม้จะมีวัคซีนที่ได้ผลและไม่แพง และวัคซีนสามารถช่วยผู้คนได้เกือบ 1 ล้านคนทุกๆปี ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา แต่จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่เพิ่มขึ้นเพียงข้ามคืน การระบาดอย่างหนักในปี 2018 เตือนว่า หากไม่มีการดำเนินการใดๆในวันนี้ จะเกิดผลกระทบต่อเด็กๆในวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้ ประเทศอื่นๆที่ติด 10 อันดับแรกที่มีผู้ป่วยหัดเพิ่มขึ้น ได้แก่ เยเมน เวเนซุเอลา เซอร์เบีย มาดากัสการ์ ซูดาน และประเทศไทย

 

 

ที่มา  มติชนออนไลน์