“วันชาติ 101 ปี แห่งเอสโตเนีย” กระชับสัมพันธ์ไทย

เนื่องในโอกาสวันฉลองครบรอบ 101 ปี แห่งการมีอิสรภาพ “เอสโตเนีย” นายวีระชัย เตชะวิจิตร์ กงสุลใหญ่กิตติมศักด์ประจำกรุงเทพฯ กล่าวภายในงานการเฉลิมฉลองเมื่อวานนี้ (7 มี.ค.) ระบุว่า เอสโตเนีย นับว่าเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความก้าวหน้าทางด้านดิจิทัลเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลก

ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับเอสโตเนีย ก็อยู่ในระดับที่ดีมาโดยตลอด หากกล่าวถึงภาคการท่องเที่ยว รัฐบาลไทยมีการผ่อนปรนให้ชาวเอสโตเนียสามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นเวลานาน 30 วัน เช่นเดียวกับชาวยุโรปอื่นๆ ดังนั้น ที่ผ่านมาจึงมาการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์เพิ่มขึ้นในเมืองพัทยา ซึ่งขณะนี้กำลังรอการดำเนินการขอพระบรมราชานุญาตเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตำแหน่งเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้วที่ “กรุงเทพฯ” และ “ภูเก็ต”

ทั้งนี้ นายวีระชัย ยังกล่าวอีกว่า การใช้เทคโนโลยีในการทำนิติกรรมต่างๆ ทั้งกับราชการและสถาบันการเงินในเอสโตเนียมีความก้าวหน้าอย่างมาก จากการสนับสนุนและบังคับใช้ร่วมของนโยบายของภาครัฐที่ต้องการจะทยอยเลิกใช้เอกสารที่ไม่จำเป็น รวมทั้งมีการนำระบบ “e-Government” มาใช้ในทุกส่วนราชการด้วย โดยเกือบ 100% จัดอยู่ในระบบดิจิทัล โดยประชาชนไม่ต้องปรากฏตัวเพื่อทำนิติกรรม ยกเว้นแต่ การแต่งงาน การหย่าร้าง และการทำอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้ภาคเอกชนเร่งสร้างนวัตกรรมระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)

“อย่างที่ทราบกันดีว่า เอสโตเนีย ได้รับเอกราชหลังจากที่แยกตัวออกจากประเทศรัสเซีย ซึ่งความพยายามเหล่านี้สั่งสมให้รัฐบาลเอสโตเนียต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน สถานการณ์หลังชนฝาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศนี้ ดังนั้น ความพยายามที่จะพัฒนาและสร้างจุดเด่นจุดแข็งให้กับเอสโตเนียจึงจำเป็น” กงสุลฯ กล่าวกับสื่อมวลชนของไทย ทั้งกล่าวเพิ่มว่า “ดิจิทัลเทคโนโลยี” คือสิ่งที่รัฐบาลเอสโตเนียมุ่งมั่นพัฒนาสู่ประเทศชั้นนำของโลกที่ได้รับการยอมรับในด้านนี้

ก่อนกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ข่าวดีในตอนนี้ก็คือ กระทรวงดิจิทัลของไทยกำลังให้ความสนใจและติดต่อพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเอสโตเนีย ในการนำระบบและเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาปรับใช้ในประเทศไทย ผมคาดว่าหลังเลือกตั้งน่าจะมีการดำเนินต่อและมีความชัดเจนมากกว่านี้ และในฐานะที่ผมเป็นกงสุลฯ มาเกือบๆ 20 ปี ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ความล้ำสมัยและเทคโนโลยีต่างๆ ที่เป็นข้อโดดเด่นของเอสโตเนียจะช่วยพัฒนาประเทศไทยให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้มากในอนาคต

โดยเทคโนโลยีเด่นๆ ที่รัฐบาลเอสโตเนียทำได้ดีเยี่ยม ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับข้องกับด้านความปลอดภัย เช่น เทคโนโลยีบล็อกเชน และระบบต่างๆ เพื่ป้องกันการถูกแฮกข้อมูล หรือที่เรียกว่าการถูกโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งขณะนี้สถาบันการเงินของไทย และธนาคารหลายแห่งก็ได้ให้ความสนใจเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ “แสนรัก อารูกัส” เป็นบริษัทไทยแห่งแรกที่ดึงองค์ความรู้จากเอสโตเนียแล้วในปัจจุบัน โดยเพิ่งเปิดตัว Online Real-Time Crisis Management Center หรือ ศูนย์จัดการสภาวะวิกฤตบนโลกออนไลน์ เมื่อปีที่ผ่านมา โดยจะมุ่งไปที่การบริหารจัดการข้อมูลแบบเรียลไทมส์ (Real-time Data) และวิเคราะห์ข้อมูลบนโลกออนไลน์ (Data Analytic) ซึ่งจะช่วยในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เช่น การแสดงความคิดเห็นของลูกค้าหรือผู้บริโภคทั้งดีและลบ รวมถึงสามารถจัดการกับข้อมูลข่าวสารที่ถูกส่งต่ออย่างรวดเร็วได้ง่ายๆ เป็นต้น