“ฮิวแมนไรท์วอทช์” จี้ “ญี่ปุ่น” แก้กฎหมายละเมิดความหลากหลายทางเพศ

(AP Photo/Shizuo Kambayashi, File)

ปัจจุบันแม้ว่าในหลายประเทศทั่วโลกจะให้การยอมรับเรื่องความหลากหลายทางเพศตามหลักสิทธิมนุษยชน แต่กฎหมายในบางประเทศยังคงปิดกั้นและจำกัดเสรีภาพของกลุ่มผู้หลากหลายทางเพศอยู่

“เจแปนทูเดย์” รายงานวันนี้ (21 มี.ค.) ระบุว่า รายงานว่าองค์กร “ฮิวแมนไรท์วอทช์” กดดันให้ประเทศญี่ปุ่นยกเลิกกฎหมายที่ระบุให้กลุ่มคนข้ามเพศต้องทำหมันแปลงเพศก่อน จึงจะสามารถเปลี่ยนสถานะทางเพศได้ถูกต้องตามกฎหมาย

โดยกฎหมายดังกล่าวออกมาในปี 2004 ระบุว่า บุคคลที่ต้องการจะเปลี่ยนสถานะทางเพศตามกฎหมาย ต้อง “กำจัด” อวัยวะในการสืบพันธุ์ดั้งเดิมของตนเอง และต้องมีร่างกายที่ “แสดงชัดว่ามีส่วนที่คล้ายคลึงกับอวัยวะสืบพันธุ์อื่น” ตามเพศที่พวกเขาต้องการ

ทั้งนี้ ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ศาลสูงสุดของญี่ปุ่นได้ปฏิเสธคำร้องของ “ชายข้ามเพศ” ที่ต้องการสถานะทางกฎหมายโดยที่ยังไม่ได้ผ่าตัดแปลงเพศ แม้ศาลจะยอมรับว่า คำตัดสินดังกล่าวเป็นการจำกัดเสรีภาพและควรเปลี่ยนแปลงไปตามค่านิยมในสังคมก็ตาม

นอกจากนี้ ฮิวแมนไรท์วอทช์ ยังระบุว่า เงื่อนไขที่ระบุให้บุคคลข้ามเพศต้องทำหมันแปลงเพศก่อน ถือว่านเป็นกฎหมายที่กดขี่และล้าหลังอย่างมาก ขณะที่กลุ่มนักสิทธิมนุษยชนสากล ระบุว่า กฎหมายที่บังคับให้ต้องกระทำการทางการแพทย์ดังกล่าวเป็นการละเมิดเจตจำนงส่วนบุคคลเพื่อให้ได้รับการยอมรับตามกฎหมาย

“รัฐบาลญี่ปุ่นได้รับการเรียกร้องอย่างเร่งด่วนในการแก้ไขกฎหมายถึงขั้นรากฐาน ซึ่งยังคงตั้งมั่นอยู่ในกระบวนการวินิจฉัยที่ขัดต่อมาตรฐานสากล” รายงานยังระบุว่า กฎหมายของญี่ปุ่นยังคงจัดจำแนกบุคคลข้ามเพศอยู่ในกลุ่มที่มีอาการ “จิตเภท” ซึ่งล้าหลังมาก เมื่อเทียบกับมาตรฐานทางการแพทย์สากล

รายงานอ้างการสำรวจความคิดเห็นของบุคคลข้ามเพศ 48 คน ซึ่งในปัจจุบันถูกกดดันให้ต้องปกปิดอัตลักษณ์ทางเพศแม้แต่กับครอบครัวของตนเอง และกลุ่มคนข้ามเพศยังมีอุปสรรคในการดำรงชีวิตสูงมาก ท่ามกลางกฎในเรื่องเพศสภาพต่างๆ ของสังคม

“ฟูมิโนะ ซุกิยามะ” ชายข้ามเพศผู้ซึ่งผ่าตัดเต้านมออกแต่ยังคงมีรังไข่อยู่ ระบุว่า เขายังคงมีสถานภาพหญิงตามกฎหมาย รวมถึงในหนังสือเดินทางด้วย และเขากับแฟนสาวไม่สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากญี่ปุ่นยังไม่มีกฎหมายรองรับการสมรสของบุคคลเพศเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาจะมีบุตรซึ่งเกิดจากการผสมเทียมและใช้ชีวิตกันแบบครอบครัวแล้ว เธอกล่าวด้วยวว่า “แฟนสาวกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดียวตามกฎหมาย ส่วนฉันเป็นเพียงรูมเมทเท่านั้น”

ทั้งนี้ นายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และผู้สนับสนุนอนุรักษ์นิยมมีนโยบายที่จะฟื้นฟูสังคมชายเป็นใหญ่ ซึ่งอยู่บนฐานของการแต่งงานระหว่างชาย-หญิงเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล เคยวิพากษ์วิจารณ์อยู่หลายครั้งถึงความพยายามเรียกร้องให้มีการทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวกับกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ บางคนถึงกับกล่าวว่า “ชาติจะล่มสลาย” หากทุกคนกลายเป็น LGBT ขณะที่บางส่วนที่เหลือกล่าวว่า รัฐบาลจะไม่ยอมใช้ภาษีเพื่อให้สิทธิแก่กลุ่มรักร่วมเพศ ที่รวมไปถึงกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ โดยอ้างว่ากลุ่มคนเหล่านั้นไม่สามารถ “ผลิต” ประชากรให้ประเทศได้

ยังกลายเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไปว่า “ญี่ปุ่น” ซึ่งถือว่าเป็นประเทศอนุรักษ์นิยมที่สุดประเทศหนึ่งในโลก จะสามารถสร้างความเท่าเทียมทางเพศ ตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลได้หรือไม่ต่อจากนี้ ท่ามกลางแรงกดดันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ