“สหรัฐ” เดินหน้าแซงชั่นบริษัทจีน 2 ราย เหตุช่วยเหลือ “เกาหลีเหนือ”

(AP Photo/Susan Walsh, Pool, File)

แม้ว่าจะมีการเปิดการเจรจากันระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่การประชุมครั้งล่าสุดที่เมืองฮานอย ประเทศเวียดนามที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศกลับไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่น่าพอใจสำหรับทั้งสองฝ่ายได้ โดยเฉพาะข้อตกลง “กำจัดนิวเคลียร์” นำมาซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ย่ำแย่ลง

ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ทางการสหรัฐอเมริกาได้มีการ “คว่ำบาตร” เกาหลีเหนือครั้งแรก หลังจากที่ล้มเหลวในการเจรจาร่วมกับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เมื่อเดือนที่ผ่านมา การคว่ำบาตรดังกล่าวเกิดจากการที่บริษัทขนส่งของจีน 2 แห่งได้ให้ความช่วยเหลือต่อเกาหลีเหนือในการละเมิดข้อบังคับของสหรัฐ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น)

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐ เปิดเผยต่อซีเอ็นเอ็นว่า มาตรการดังกล่าวไม่ได้เป็นการเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจของสหรัฐต่อเกาหลีเหนือ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการกดดันต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าหน่วยงานและประเทศอื่นๆ จะไม่ลดแรงกดดันที่มีอยู่ต่อเกาหลีเหนือในการยกเลิกโครงการทดสอบขีปนาวุธอย่างถาวร

เจ้าหน้าที่ของสหรัฐกล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ จำเป็นที่จะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงประเทศสมาชิกทั้งหมดของยูเอ็น ก็ควรร่วมรักษาความต่อเนื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน

จุดประสงค์หลักๆ ของเกาหลีเหนือที่แสดงออกมาตลอด ก็คือ ต้องการให้สหรัฐและนานาชาติยกเลิกการแซงชั่นหรือผ่อนปรน แต่ต้องแลกกับการที่โสมแดงต้องปลดโครงการนิวเคลียร์ออก แต่ท้ายที่ผู้นำทั้ง 2 ก็ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ ร่วมกันได้ ขณะเดียวกัน แนวทางการปลดอาวุธนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือก็ยังไม่ชัดเจน

รายงานระบุว่า การคว่ำบาตรครั้งใหม่นี้ เป็นการยืนยันว่าสหรัฐจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับเกาหลีเหนือ และสหรัฐยังกล่าวเตือนบริษัทจีนต่างๆ ไม่ให้กระทำการเช่นเดียวกับ 2 บริษัทที่ให้การช่วยเหลือต่อเกาหลีเหนือ หากตรวจสอบพบไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนส่งหรือบริษัทการเงินใดๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือก็จะนำไปสู่การคว่ำบาตรอีกครั้ง

“จอห์น โบลตัน” ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กล่าวผ่านทวิตเตอร์ว่า ทุกคนควรแจ้งและเปิดเผยกิจกรรมของตนเพื่อให้เชื่อได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะสำหรับบริษัทเดินเรือสมุทรที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมที่ละเมิดกฎคว่ำบาตร

ทั้งนี้ สมาชิกรัฐสภาสหรัฐเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือภายในสัปดาห์หน้า เนื่องจากมองว่ามาตรการคว่ำบาตรในปีที่ผ่านมาชะลอตัวลง ตามรายงานของมูลนิธิปกป้องประชาธิปไตย โดยตั้งแต่เดือน มี.ค. 2017 การลงโทษบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือมีทมากถึง 182 ราย แต่นับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2018 กลับมีเพียง 26 รายเท่านั้น


อย่างไรก็ตาม ทางการวอชิงตันยืนยันว่า มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวยังทำงานได้ดี และจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหากได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศ เช่น จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของเกาหลีเหนือ ซึ่งมากกว่า 90% ของการค้าภายนอกประเทศของเกาหลีเหนือเป็นการค้ากับจีน โดยการคว่ำบาตรจะมีประสิทธิภาพอย่างมากด้วยการสั่งปิดกั้นการนำเข้าและส่งออกระหว่างเกาหลีเหนือเพื่อเป็นการกดดัน ทั้งยังกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีความเห็นใดๆ ออกมาจากทางการจีน