“ออสซี่” คุมเข้มผู้อพยพ กระทบแผนแก้แรงงานขาด

“ออสเตรเลีย” กลายเป็นชาติที่ประชากรมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากขึ้น จะเห็นว่าคนผิวขาวที่อาศัยมาแต่ดั้งเดิมมีจำนวนลดลง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ จากสาเหตุหลักของการอพยพย้ายถิ่นคนในแถบเอเชีย ที่ส่วนใหญ่มาจาก “อินเดีย” และ “จีน”

ปรากฏการณ์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจครั้งล่าสุดของ “สกอตต์ มอร์ริสัน” นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ที่แถลงการณ์เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ระบุว่า รัฐบาลเตรียมใช้แผนควบคุมจำนวนผู้อพยพที่มีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาเพื่อลดความแออัดในเมืองใหญ่ และกระจายแรงงานต่างชาติไปเมืองรอบนอก

นายกฯมอร์ริสันกล่าวว่า ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ออสเตรเลียประสบปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน และบริการต่าง ๆ ในเมืองหลัก เช่น นครซิดนีย์ เมลเบิร์น และเซาท์อีสต์ควีนแลนด์ ซึ่งมีจำนวนผู้อพยพเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน

ทั้งนี้ แผนการควบคุมประชากรในอนาคต (Australia”s future population) รัฐบาลจะยับยั้งแนวโน้มดังกล่าว ด้วยการออกเงื่อนไขใหม่ การใช้วีซ่าแบบใหม่ ซึ่งลูกจ้างที่มีทักษะต้องอาศัยอยู่ในเมืองขนาดเล็กเป็นเวลา 3 ปี จึงจะสามารถยื่นขอย้ายมาเมืองใหญ่ได้

รัฐบาลตั้งเป้าจะรับคนเข้าเมืองในแต่ละปีลดลง 15% เฉลี่ยจะเปิดรับประมาณ 160,000 คนต่อปี จากปัจจุบัน 190,000 คนต่อปี นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ระบุด้วยว่า ปัจจุบันมีตำแหน่งงานว่างอยู่ในพื้นที่นอกเมืองของออสเตรเลียมากถึง 47,000 ตำแหน่ง และถูกเรียกร้องจากผู้ประกอบการจากในเมืองเล็ก ๆ ให้เร่งแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

เป้าหมายสูงสุดของรัฐบาล คือ ลดความเหลื่อมล้ำในออสเตรเลีย ด้วยการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่อย่างเท่าเทียม  โดยรัฐบาลเตรียมจัดงบประมาณสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเมืองเล็ก เช่น โครงการสร้างรถไฟข้ามเมือง

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า นายมอร์ริสันประกาศแผนควบคุมคนเข้าเมือง เพียงไม่กี่วันหลังเกิดเหตุการณ์กราดยิงมัสยิด 2 แห่ง ในนิวซีแลนด์ ขณะที่กระแสต่อต้านกลุ่มผู้อพยพซึ่งเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลกยังปรากฏอยู่เป็นเนือง ๆ

นักวิเคราะห์อิสระกล่าวกับการ์เดียนว่าการออกวีซ่าแบบใหม่ของออสเตรเลียจะทำให้เกิดค่าใช้จ่าย ถือเป็นการผลักภาระให้กับแรงงานมากขึ้น เมื่อเทียบกับการให้วีซ่าแบบเก่า เพราะต้องจ่ายเงินสำหรับวีซ่าทำงานถึง 2 ครั้ง

ขณะที่เจ้าหน้าที่ของอินเดียที่ให้บริการด้านแรงงานไปทำงานในต่างประเทศกล่าวว่า เฉลี่ยในแต่ละปีมีแรงงานต่างชาติในออสเตรเลียจากประเทศในเอเชียมากที่สุดกว่า 120,000 คน ในจำนวนนี้มาจากอินเดียเกือบ 40,000 คนต่อปี รองลงมาคือ ผู้อพยพจากจีน เกือบ 30,000 คนต่อปี นโยบายควบคุมคนเข้าเมืองจะกระทบต่อออสเตรเลียเองโดยตรง ในฐานะที่เป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาแรงงานจากต่างชาติในการพัฒนาประเทศ 

“อัตราค่าจ้างแรงงานในเมืองเล็ก ๆ ไม่ดึงดูดให้แรงงานอินเดียเข้าไป หากเทียบราคาค่าจ้างในเมืองใหญ่ เช่น ซิดนีย์ และเมลเบิร์น มากกว่าเกือบ 1 เท่าของค่าจ้าง ทั้งตำแหน่งว่างงานในเมืองชนบทเน้นภาคเกษตรกรรมและปศุสัตว์ ซึ่งไม่ตอบสนองความต้องการของแรงงานชาวอินเดีย ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานในบริษัทด้านไอทีและเทคโนโลยี รวมถึงร้านอาหารอินเดียในออสเตรเลีย”

นอกจากนี้ “เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์” ระบุว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการโยกย้ายถิ่นฐานของจีนกล่าวว่า ในออสเตรเลีย ภาษาจีนกลางเป็นภาษาที่มีคนพูดมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากภาษาอังกฤษ น่าจะบ่งชี้ได้ว่าผู้อพยพจีนมีความสำคัญในออสเตรเลีย เขามองว่าแผนการล่าสุดนี้เป็นความพยายามที่จะฟื้นคะแนนนิยมของรัฐบาล ก่อนจะมีการเลือกตั้งในเดือน พ.ค.นี้ หลังคะแนนความนิยมของนายสกอตต์ มอร์ริสัน ลดลงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ชาวจีนรายนี้กล่าวด้วยว่า แม้กระแสการต่อต้านรับผู้ลี้ภัยหรือผู้อพยพจะมีมากในหลายประเทศ ทว่าความต้องการภาคแรงงานเพื่อสนับสนุนการเติบโตของประเทศเหล่านั้นยังมีความสำคัญมาก

ดังนั้น เงื่อนไขต่าง ๆ ของแผนควบคุมผู้อพยพ หากไม่มีสิ่งดึงดูดอื่น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมวีซ่าที่ลดลง หรือสวัสดิการอื่น ๆ สำหรับแรงงานต่างชาติ ก็มีความเป็นได้สูงที่แรงงานต่างชาติที่เคยมุ่งไปทำงานในออสเตรเลีย จะหันไปทำงานในประเทศอื่นที่เปิดรับมากกว่า

ตัวอย่างเช่น เยอรมนี และญี่ปุ่น ที่เพิ่มโควตาจำนวนแรงงานเพื่อทดแทนแรงงานในประเทศ รวมถึง “สิงคโปร์และสหรัฐอเมริกา” ที่ยังมีความต้องการแรงงานอยู่มาก