“ทรัมป์” แย้มใกล้บรรลุข้อตกลงการค้า “จีน” ลุ้นประกาศใน 4 สัปดาห์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา (ขวา) พูดคุยกับ นายหลิว เห้อ รองนายกรัฐมนตรีจีน และเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเจรจาการค้าจีน ขณะเข้าพบที่ทำเนียบขาว ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 4 เมษายน (รอยเตอร์)

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา กล่าวถึงความคืบหน้าของการเจรจาความตกลงการค้าสหรัฐ-จีนว่าทั้งสองชาติใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกันได้ ซึ่งอาจจะสามารถประกาศได้ภายใน 4 สัปดาห์นี้

โดยทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนเริ่มการหารือกับคณะผู้แทนเจรจาการค้าจีนที่มีนายหลิว เห้อ รองนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะ ที่ห้องรูปไข่ ในทำเนียบขาว เมื่อวันที่ 4 เมษายนว่า สหรัฐและจีนเข้าใกล้ที่จะทำความตกลงกันได้ ซึ่งอาจจะสามารถประกาศได้ภายใน 4 สัปดาห์ข้างหน้า หรืออาจจะใช้เวลาน้อยกว่าหรือมากกว่านั้น เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่ยังคงมีความเห็นแตกต่างกันอยู่ ซึ่งจะต้องก้าวผ่านไปให้ได้ และว่า ตนจะจัดประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน หากมีข้อตกลงการค้าเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามผู้นำสหรัฐปฏิเสธที่จะกล่าวถึงประเด็นการกำหนดอัตราภาษีต่อสินค้าจีนของสหรัฐ ที่มีมูลค่าทั้งสิ้น 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงการค้าระหว่างกันว่าจะเป็นอย่างไร โดยฝ่ายจีนต้องการให้สหรัฐยกเลิกการใช้มาตรการทางภาษีนี้กับสินค้าจีน

เมื่อถูกถามว่าประเด็นอะไรที่ยังคงเป็นปัญหาติดขัดระหว่างกันอยู่ ทรัมป์ชี้ว่าเป็นเรื่องของอัตราภาษีและการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งทรัมป์กล่าวว่าจะหารือเรื่องนี้กับรองนายกรัฐมนตรีจีนต่อไป

ด้านสำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสีได้ส่งสารผ่านนายหลิวไปถึงประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยการให้หลักประกันว่าข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีน จะเสร็จในไม่ช้านี้ โดยกล่าวว่าในช่วงเดือนที่ผ่านมาทีมเจรจาการค้าของทั้งสองฝ่ายได้ติดต่อหารือกันอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด และทำให้ประเด็นปัญหาสำคัญต่างๆในข้อตกลงการค้าระหว่างสองชาติมีความคืบหน้ามากขึ้น ซึ่งตนหวังว่าทีมเจรจาการค้าของทั้งสองชาติจะสามารถทำงานร่วมกันต่อไปและสามารถสรุปการเจรจาในข้อตกลงการค้าระหว่างกันได้ในไม่ช้า

ทั้งนี้คณะผู้แทนเจรจาการค้าจีนและสหรัฐจะหารือกันที่กรุงวอชิงตันในวันที่ 5 เมษายนตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งต่อเนื่องจากการประชุมหารือของทั้งสองฝ่ายที่กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ในความพยายามบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจที่โลกกำลังจับตามอง

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์