เพลิงไหม้ “สองโบราณสถาน” โลกร่วมใจบูรณะ

ในช่วงเวลาใกล้ๆ กันเมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดเหตุการณ์เพลิงใหม้โบราณสถานสำคัญของโลกถึง 2 แห่ง โดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อนสร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้เป็นจำนวนมาก

เริ่มจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ “มหาวิหารนอเทรอดาม” กลางกรุงปารีสของฝรั่งเศส ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งโบสถ์สถาปัตยกรรมศิลปะโกธิกเก่าแก่ถึง 850 ปี ถือเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญของฝรั่งเศส โดยเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งสร้างความเสียหายที่ “ไม่สามารถประเมินค่าได้” โดยเบื้องต้นคาดว่าสาเหตุเกิดจากอุบัติเหตุระหว่างการบูรณะ

 

(Photo by Fabien Barrau / AFP)

ในเวลาต่อมา เหล่ามหาเศรษฐีเจ้าของแบรนด์ดังอย่าง ลอรีอัล (L’Oreal) และ กลุ่มสินค้าแบรนด์เนมแอลวีเอ็มเอช (LVMH luxury goods group) หรือเป็นที่รู้จักกันในแบรนด์หรู “หลุยส์วิตตอง” รวมถึงอีกหลายองค์กรต่างรวมกันบริจาคเพื่อบูรณะปฏิสังขรมหาวิหารดังกล่าวให้งดงามดังเดิม โดยยอดบริจาคนับจากหลังเหตุการณ์เพลิงไหม้จนถึงปัจจุบันพุ่งสูงไปถึง 1,000 ล้านยูโรหรือราว 35,900 ล้านบาท

“เอ็มมานูเอล มาครง” ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสกล่าวว่า การบูรณะมหาวิหารนอเทรอดามจะแล้วเสร็จภายใน 5 ปี โดยหลายฝ่ายคาดว่าเพื่อให้ทันงานโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2024 ที่ฝรั่งเศสจะเป็นเจ้าภาพ

(AP Photo/Thierry Mallet)

ขณะที่รายงานของ “เดอะ มีร์เรอร์” ระบุในวันที่ 16 เม.ย. ถึงเหตุการณ์เพลิงไหม้ “มัสยิดอัล-อักซอ” (Al-Aqsa) ในกรุงเยรูซาเล็ม เมืองหลวงของอิสราเอล หนึ่งในสามมัสยิดขนาดใหญ่และสำคัญของชาวมุสลิมทั่วโลกโดยมีอายุเก่าแก่ถึง 2,000 ปี

รายงานระบุว่า เกิดกลุ่มควันและเปลวเพลิงพวยพุ่งขึ้นจากหลังคาของ “ห้องละหมาดมาร์วาน” (Marwani Prayer Room) อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ดับเพลิงของอิสราเอลสามารถควบคุมเพลิงได้ภายใน 7 นาที ทำให้มัสยิดไม่ได้รับความเสียหายมากนัก และไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้

(Sebastian Scheiner/AP)

ทั้งนี้ ทางการของอิสราเอลสันนิษฐานเกี่ยวกับสาเหตุของเพลิงไหม้ครั้งนี้ว่า เกิดจากเด็กที่จุดไฟเล่นในบริเวณใกล้ๆ มัสยิดดังกล่าว