เจรจาสงครามการค้ารอบล่าสุด ล้มเหลวอีกครั้ง! ปิดดีลไร้ข้อตกลง

AFP(file photo)

หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ทวีตข้อความบนทวีตเตอร์ ข่มขู่จีนว่า จะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน จากที่เก็บภาษี 10% ปรับขึ้นเป็น 25% มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีผลอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 10 พ.ค. เวลาเที่ยงคืน (ตามเวลาสหรัฐ)

รายงานของ ซีเอ็นเอ็น ระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ย้ำว่า กำหนดการที่จะยกเลิกหรือเดินหน้ามาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนจะเกิดขึ้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลของการเจรจาสงครามการค้าในครั้งนี้

โดยกล่าวก่อนหน้าที่จะมีการเริ่มเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐรอบใหม่ วันที่ 9-10 พ.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ การเจรจาการค้าครั้งนี้ ปิดฉากลงด้วยความล้มเหลวอีกครั้ง เพราะทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถหาข้อสรุปที่น่าพึงพอใจได้ และไม่มีการลงนามข้อตกลงทางการค้าระหว่างกันใดๆ ดังนั้น จึงหมายถึงคำข่มขู่ของผู้นำทรัมป์จะมีผลบังคับใช้ทันที

ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดขึ้น หลังจากที่ทางการปักกิ่งประกาศเมื่อวานนี้ ในระหว่างช่วงที่มีการเจรจากันที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยืนยันว่า พร้อมจะแก้แค้นสหรัฐและตอบโต้กลับทางภาษีทันที

รายงานของซีเอ็นเอ็น ระบุอีกว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ทวีตข้อความเกี่ยวกับสงครามภาษีนี้ว่า “ภาษีศุลกากรจะทำให้ประเทศเราแข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่อ่อนแอ ขณะเดียวกัน จีนไม่ควรเจรจากับสหรัฐในนาทีสุดท้าย”

นอกจากนี้ ทรัมป์ได้ทวีตด้วยว่า “หากเราซื้อสินค้าเกษตรมูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเกษตรกรของเรา มากกว่าที่จีนซื้อในตอนนี้ เราจะเหลือเงินกว่า 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อโครงสร้างพื้นฐานใหม่ การดูแลสุขภาพ และอื่น ๆ อีกอย่างจีนกำลังชะลอตัวลงอย่างมาก ในขณะที่อัตราความเร็วของเราจะเร่งสปีดอัตโนมัติ!”

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ ระบุด้วยว่า การเจรจาจะยังเดินหน้าต่อไป และการปรับเปลี่ยนแผนการขึ้นภาษีจะขึ้นอยู่กับความคืบหน้าในการหารือครั้งต่อๆ ไป

“แน่นอนว่าตลอดช่วง 2 วันที่ผ่านมา สหรัฐและจีนได้พูดคุยอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์เกี่ยวกับสถานะของความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน ความสัมพันธ์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน กับผมยังคงแข็งแกร่ง และการเจรจาจะเดินหน้าต่อไปในอนาคต” ผู้นำสหรัฐระบุในทวิตเตอร์