ท่ามกลางความไม่แน่นอนในการเจรจาในประเด็น “เบร็กซิท” ของนายกรัฐมนตรีเทรเซา เมย์ ที่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในตอนนี้
รอยเตอร์ส รายงานโดยอ้างข้อมูลจาก YouGov poll ที่จัดทำผลสำรวจล่าสุด และเปิดเผยเมื่อคืนวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า “พรรคคอนเซอร์เวทีฟ” ของนายกรัฐมนตรีหญิงแห่งอังกฤษ “เทเรซา เมย์” พบว่ามีคะแนนนิยมร่วงลงไปมาก จากที่เคยอยู่ อันดับที่ 1 ตั้งแต่ที่เข้ามาบริหารงาน ปัจจุบันร่วงลงมาที่อันดับ 5 โดยมีคะแนนความนิยมลดลงเหลือแค่ 10%
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ขณะที่ พรรคเบร็กซิท (Brexit party) ของ ไนเจล ฟาราจ ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง มีคะแนนพุ่งขึ้น 4 จุด อยู่ที่ 34% ส่วนพรรคแรงงาน หรือ พรรคฝ่ายค้าน ซึ่งเป้นพรรคที่ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับ 2 มีคะแนนลดลงไป 5 จุด อยู่ที่ 16%
ทั้งนี้ การสำรวจล่าสุดนี้ มีขึ้นเพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ก่อนจะมีการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป ในวันที่ 23 พ.ค.นี้ ขณะเดียวกัน ผลงานยอดแย่ของนายกฯ เมย์ ที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่ดีระหว่างสหราชอาณาจักร (UK) กับสหภาพยุโรป (EU) ทำให้มีกระแสเรียกร้องให้ “เมย์” ลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศอยู่เนืองๆ ขณะเดียวกัน มีรายงานจากสื่อของอังกฤษ ที่อ้างว่า แกนนำอาวุโสของพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ต้องการให้นายกฯ เมย์ เข้าชี้แจงเกี่ยวกับแผนการสละตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายในสัปดาห์นี้
ก่อนหน้านี้ นายกฯ เมย์ เคยให้คำมั่นว่าจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที ที่สามารถบรรลุข้อตกลงเบร็กซิทได้ ซึ่งก็คือ วันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว โดยวันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนเดินทางมาถึงจุดที่นางเมย์ ยื่นคำร้องขอให้อียูเลื่อนกำหนดการออกจากการเป็นสมาชิกของอียูอย่างสมบูรณ์ ซึ่งกำหนดการใหม่นี้จะมีผลในวันที่ 31 ต.ค. 2019
ทั้งนี้ มีนักวิเคราะห์หลายราย ที่มองว่า ความเป็นไปได้มากที่สุดของ UK เวลานี้มีอยู่ 2 ทาง นั่นก็คือ การออกจากอียูแบบ “โน-ดีล” คือไม่มีข้อตกลงทางการค้าใดๆ หลงเหลืออยู่กับอียู กับอีกทางคือ กลับลำก้มหน้าเดินเข้าสู่การเป็นสมาชิกของอียูเช่นเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
