จับตาประชุม “OPEC” 25-26 มิ.ย. ชี้ชะตาน้ำมันโลก

อุปทานน้ำมัน” ในตลาดโลกกำลังได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่รุนแรงขึ้น นับตั้งแต่ที่สหรัฐอเมริกายกเลิกมาตรการผ่อนปรนการนำเข้าน้ำมันจาก “อิหร่าน” ขณะที่สถานการณ์ใน “เวเนซุเอลา” ย่ำแย่ลงจากการที่สหรัฐแซงก์ชั่นบริษัทน้ำมันแห่งชาติ

วันที่ 15 พ.ค. ราคาน้ำมันโลกปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากแรงหนุนของความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี แห่งอิหร่าน ประกาศจะแลกหมัดกับสหรัฐเป็นการตอบโต้ ที่สหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ ทั้งยังคว่ำบาตรภาคธุรกิจน้ำมัน และแร่ยูเรเนียมของอิหร่าน

“เวเนซุเอลา” ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ตั้งแต่สหรัฐแซงก์ชั่นบริษัทน้ำมัน PdVSA เมื่อวันที่ 28 ม.ค. เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงรัฐบาล “นิโคลัส มาดูโร” 

และล่าสุดสั่งระงับเที่ยวบินโดยสาร และเครื่องบินขนส่งสินค้าที่ไปเวเนฯ เพื่อปิดช่องทางเข้าออกประเทศจากที่เคยปิดล้อมทางบกและทางเรือ

นักวิเคราะห์ในตลาดน้ำมันกล่าวว่า ระยะสั้นราคาน้ำมันดิบโลกอาจเพิ่มสูงขึ้น จากการที่อุปทานของเวเนฯและอิหร่านหายไปจากตลาดน้ำมันโลก

ในช่วงเดียวกับที่โอเปกกำลังลดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ โดยกลุ่มโอเปก และน็อนโอเปกเห็นพ้องที่จะปรับลดการผลิตน้ำมันลงที่ 1.2 ล้านบาร์เรล/วันเพื่อป้องกันการทรุดตัวของราคาน้ำมัน

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. “โอเปก” เผยรายงานประจำเดือน พ.ค. 2019 ระบุว่า ดีมานด์การใช้น้ำมันของโอเปกคาดว่าจะสูงกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ โดยจะอยู่ที่ 1.21 ล้านบาร์เรล/วัน จากที่ก่อนหน้านี้คาดว่า ดีมานด์ใช้น้ำมันในปี 2019 อยู่ที่ 1.1 ล้านบาร์เรล/วัน

โดยระบุเพิ่มว่า การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานของสหรัฐ ชะลอตัวลงจากปัญหาซัพพลายล้นภายในเมื่อปีก่อนบ่งชี้ถึงสภาวะ “น้ำมันตึงตัว” หากโอเปกไม่ปรับเพิ่มการผลิตน้ำมัน นักวิเคราะห์ขององค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) มองว่าการประชุมกำหนดนโยบายของโอเปก ในวันที่ 25-26 มิ.ย.นี้ เป็นไปได้สูงที่สมาชิกรวมทั้งกลุ่มน็อนโอเปก จะปรับเพิ่มการผลิตน้ำมัน

สอดคล้องกับที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เคยทวีตข้อความว่า ซาอุดีอาระเบียและหลายประเทศกลุ่มโอเปกจะสามารถผลิตน้ำมันได้มากขึ้น หากสหรัฐใช้มาตรการลงโทษเต็มรูปแบบกับอิหร่าน พร้อมกล่าวว่า การสูญเสียอุปทานน้ำมันจาก “อิหร่านและเวเนซุเอลา” จำเป็นต้องได้รับการชดเชยจากสมาชิกอื่นที่เหลือ รวมทั้งธุรกิจน้ำมันของสหรัฐด้วย

สัปดาห์ก่อนนักวิเคราะห์จาก IEA คาดว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 83,000 บาร์เรล/วัน ในเดือน มิ.ย.นี้ และผลิตได้สูงสุดที่ 8.49 ล้านบาร์เรล/วัน

ทั้งนี้ “เดวิกา คริชน่า คูมาร์” นักวิเคราะห์ของ “รอยเตอร์ส” กล่าวว่าหลังจากที่ IEA ส่งสัญญาณปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันชั้นหินดินดานในปี 2019 บวกกับโอกาสที่กลุ่มโอเปกและน็อนโอเปกจะจับมือเพิ่มการผลิตน้ำมันมีอยู่สูง เชื่อว่าจะเอื้ออานิสงส์ต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภค เนื่องจากราคาน้ำมันดิบโลกจะปรับตัวลดลงตาม

หากเป็นอย่างนั้นเท่ากับการประชุมโอเปก ซึ่งจะมีขึ้นวันที่ 25-26 มิ.ย.นี้ จะเป็นวันที่ชี้อนาคตของตลาดน้ำมันโลกเลยก็ว่าได้