“ออสเตรเลีย” ลุ้นจัดตั้งรัฐบาลใหม่ กับขวากหนามใหญ่ ศก.-ภัยแล้ง

เลือกตั้งของ “ออสเตรเลีย” วันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าพลิกความคาดหมาย หลังจากการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการระบุว่า พรรคร่วมรัฐบาลลิเบอรัล-เนชันแนลของ “สก็อตต์ มอร์ริสัน” นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันครองเสียงส่วนใหญ่ชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2 พรรคของนายกรัฐมนตรี “สก็อตต์ มอร์ริสัน” ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุด 74 ที่นั่ง ซึ่งต้องการอีกเพียง 2 ที่นั่ง เพื่อจะได้เสียงข้างมากในสภาจาก 150 เสียง ขณะที่พรรคเลเบอร์ ของนายบิล ชอร์ทเทน ได้ 66 ที่นั่ง แม้แต่นายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน ยังประหลาดใจกับผลการนับคะแนนที่เหนือความคาดหมาย โดยกล่าวว่า “เป็นชัยชนะที่เกินคาด ผลสำรวจคะแนนนิยม 4 ครั้งก่อนชี้ว่า พรรคเลเบอร์จะคว้าชัย แต่ผมเชื่อในปาฏิหาริย์เสมอ”

บีบีซีรายงานว่า ชัยชนะที่ได้มาอย่างมึนงงของนายมอร์ริสัน อาจจะเป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เพราะการบริหารประเทศของนายมอร์ริสันตลอด 9 เดือน ยังไม่เป็นที่น่าประทับใจของประชาชน

“เจมส์ บราวน์” นักวิเคราะห์จากสถาบัน Lowy กล่าวว่า การบริหารประเทศของมอร์ริสันในสมัยที่ 2 อาจไม่ง่ายเพราะผลงานที่ผ่านมา บวกกับท่าทีชาตินิยมที่แข็งกร้าว อาจสร้างความวุ่นวายเหมือนในอดีต จนทำให้ผู้นำหลายคนต้องลงจากเก้าอี้ก่อนครบวาระ

นายบราวน์ กล่าวถึงความท้าทายที่มอร์ริสันต้องเผชิญ เช่น เศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะชะลอตัว ข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ (ABS) ระบุว่า เศรษฐกิจไตรมาส 4/2018 จีดีพีต่อหัวขยายตัวลดลง 0.2% จาก 0.3% เทียบกับไตรมาสก่อน

ขณะที่ภาพรวมการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2018 อยู่ที่ 2.3% ต่ำกว่าที่ธนาคารกลาง(RBA) ประมาณการไว้ที่ 2.8% เพราะเศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังของปี 2018 แทบจะไม่ขยายตัว ปัจจัยสำคัญมาจากการใช้จ่ายของประชาชนที่ซบเซา การลงทุนของภาคเอกชนที่ชะลอตัว รวมถึงแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่สดใส และสถานการณ์ภัยแล้งรุนแรง
สอดคล้องกับที่องค์การความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ที่ปรับลดการเติบโตเศรษฐกิจออสเตรเลียปีนี้ เหลือ 2.6% จาก 2.9%

ดร.เบน เชเออร์ นักวิเคราะห์อาวุโส สถาบัน Australian Strategic Policy กล่าวว่า การที่มอร์ริสันจะสามารถทำตามคำสัญญาว่าจะเพิ่มความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดการลงทุน อันจะส่งผลต่อการจ้างงาน นายมอร์ริสันต้องปรับท่าทีที่ก้าวร้าวต่อ “จีน” ที่ผ่านมา มอร์ริสันมุ่งโจมตีจีนชัดเจน เช่น ร่วมแบนหัวเว่ยและแซดทีอีตามหลังสหรัฐอเมริกา ทั้งเสนอกฎหมายควบคุมชาวต่างชาติที่ซื้ออสังหาฯในออสเตรเลีย ที่เกิน 50% เป็นชาวจีน

“ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ดำเนินนโยบายเอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐเป็นหลัก มอร์ริสันในฐานะพันธมิตรสหรัฐ ต้องปรับทิศทางนโยบายต่างประเทศ เพื่อสร้างสมดุลการค้าลงทุนกับหลายประเทศที่มีอำนาจทางเศรษฐกิจโลกเช่น จีนและประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก” ดร.เชเออร์กล่าว

ยังคงต้องจับตาว่า การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของนายสก็อตต์ มอร์ริสัน จะเป็นไปในทิศทางที่หลายฝ่ายคาดหวังหรือไม่
สำหรับชาวออสซี่นอกจากภาวะเศรษฐกิจ ประเด็นสิ่งแวดล้อมก็สำคัญ ซึ่งรัฐบาลยังล้มเหลวในการแก้ปัญหา จนล่าสุดต้องนำเข้าสินค้าเกษตรจากแคนาดา