“เทควอร์” ฟาด “แอปเปิล” เจออาวุธหนัก “กระแสชาตินิยมจีน”

การประกาศใช้อำนาจพิเศษของ”โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา นับว่าเป็นการจุดชนวน “สงครามเทคโนโลยี” กับประเทศจีนอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ “หัวเว่ย” ทำให้บรรดาผู้ให้บริการมือถือทั้งอังกฤษ ญี่ปุ่น ออกมาประกาศไม่ขายสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของหัวเว่ย

ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่า “แอปเปิล” อยู่จุดเสี่ยงที่จะกลายเป็นเหยื่อการตอบโต้จากความเป็น “ชาตินิยม” ของคนจีน

ซีเอ็นบีซีรายงานว่า “โรด ฮอลล์” นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซกส์ เป็นผู้เชี่ยวชาญคนแรก ๆ ที่ออกมาระบุว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่ลุกลามมาเป็นข้อพิพาทด้านเทคโนโลยี อาจทำให้เกิดผลเสียหายมหาศาลต่อ “แอปเปิล” บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ โดยรายได้ของแอปเปิลที่มาจากตลาดจีนมากกว่า 17% ของยอดขายรวมไตรมาสที่ผ่านมา (ม.ค.-มี.ค. 2019) และสร้างกำไรให้บริษัทมากถึง 29%

ดังนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่รายได้ของแอปเปิลในตลาดจีนจะได้รับผลกระทบ และลดลงถึง 29% หากจีนประกาศแบนสินค้าของแอปเปิล เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐประกาศห้ามไม่ให้บริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐทำธุรกิจกับบริษัทของจีน ด้วยการอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงของชาติ

นายแมทธิว คาบรัล นักวิเคราะห์ของ เครดิต สวิส ประเมินว่า สถานการณ์ความขัดแย้งของ 2 ประเทศมหาอำนาจโลกจะส่งผลทำให้กำไรต่อหุ้นของแอปเปิลลดลงราว 15 เซนต์/หุ้น ต่อยอดขายในจีนที่ลดลงทุก ๆ 5% หรืออาจลดลงมากถึง 30 เซนต์/หุ้น หากสงครามเทคโนโลยีรุนแรงถึงขั้นมีการออกมาตรการคว่ำบาตรสินค้าแอปเปิลอย่างเป็นทางการหลักฐานที่สนับสนุนการวิเคราะห์เหล่านี้ เริ่มต้นจากที่ “หู สีจิน” บรรณาธิการของ Global Times สำนักข่าวชั้นนำของจีน ที่ทวีตข้อความในวันเดียวกันกับบทวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซกส์ระบุว่า “ผมเปลี่ยนมาใช้หัวเว่ย หลังจากที่ใช้แอปเปิลมาถึง 9 ปี ผมอาจไม่ได้หมายถึงการบอยคอตสินค้าแอปเปิล แต่มันเป็นการสนับสนุนสินค้าของ
หัวเว่ย ซึ่งอาจจะมีคุณภาพที่ดีกว่าด้วยซ้ำ”

ขณะที่กระแส “บอยคอตแอปเปิล” ปรากฏขึ้นในสื่อโซเชียลชื่อดังของจีน “เว่ยป๋อ” (Weibo) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มไมโครบล็อกคล้ายกับ “ทวิตเตอร์” ที่มีผู้ใช้งานหลายพันรายประกาศจะหยุดใช้แอปเปิล พร้อมทั้งกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐกลั่นแกล้งบริษัทเทคโนโลยีจีนซึ่งมีคุณภาพที่ดีกว่า พร้อมกับมีการเรียกร้องภาครัฐและภาคธุรกิจของจีนให้ร่วมกันต่อต้านพฤติกรรมของสหรัฐด้วย

โดยกระแสการบอยคอตแอปเปิลยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง และลุกลามไปถึงภาคธุรกิจในบางอุตสาหกรรมแล้ว ตัวอย่าง เช่น เจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารของบริษัทผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์รายใหญ่แห่งหนึ่งของจีน กล่าวกับ “เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์” ระบุว่า “ตนกลายเป็นแฟนของหัวเว่ยทันที ที่มีการประกาศใช้อำนาจโดยมิชอบของผู้นำสหรัฐ หลังจากที่ใช้แอปเปิลมานานเกือบทศวรรษ เพราะต้องการแสดงการสนับสนุนแบรนด์จีนในภาวะสงครามการค้า”

ที่น่าสนใจก็คือ ผู้บริหารรายนี้ยังกล่าวอีกว่า “ทีมผู้บริหารของเราได้เปลี่ยนมาใช้สินค้าของหัวเว่ยหมดแล้ว หากเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการไม่เปลี่ยนตาม ก็เป็นสิ่งที่น่าละอายต่อประเทศชาติ”

ขณะที่ เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ รายงานยืนยันว่า ขณะนี้มีบริษัทจีนกว่า 20 ราย ที่ประกาศในสื่อสังคมออนไลน์ว่า จะเพิ่มสัดส่วนการซื้อผลิตภัณฑ์หัวเว่ยเพื่อสนับสนุนจีน และแสดงจุดยืนความเป็นชาตินิยมที่ยิ่งใหญ่

“คิรันจีต คอร์” นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัย IDC ประจำเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวว่า แม้จะยังไม่มีมาตรการต่อต้านสินค้าแอปเปิลจากรัฐบาลปักกิ่ง แต่กระแสความเป็นชาตินิยมของคนจีนน่าจะเป็นอาวุธที่จีนสามารถใช้ตอบโต้สหรัฐได้ ท่ามกลางสารพัดปัญหาของแอปเปิล ขณะที่ยอดขายตลาดจีนปี 2018 ที่ผ่านมาก็ค่อนข้างซบเซา ส่วนหนึ่งมาจากการที่สหรัฐสั่งการให้จับกุมตัวซีเอฟโอของบริษัทหัวเว่ยที่แคนาดา นอกจากนี้ ยังมีข้อได้เปรียบที่จีนเป็นฐานผลิตใหญ่อุปกรณ์และชิ้นส่วนให้กับแอปเปิล ดังนั้นจีนน่าจะเหลืออาวุธหลายอย่างที่เอาไว้ต่อกรกับสหรัฐได้

ก่อนหน้านี้ ทั้งเอกอัคราชทูตจีนประจำสหภาพยุโรป (อียู) และประจำกรุงวอชิงตันได้กล่าวว่า รัฐบาลจีนไม่ได้นิ่งเฉยที่จะตอบโต้ แต่อาจจะยังไม่ถึงเวลาที่จะสู้กับความไม่ชอบธรรมของสหรัฐ


ดังนั้น หากประเมินเบื้องต้นแบบหมัดต่อหมัดระหว่างสหรัฐกับจีน ดูเหมือนว่าตอนนี้รัฐบาลวอชิงตันอาจจะหมดมุขโจมตีจีนแล้ว ขณะที่จีนกำลังรอเวลาให้สหรัฐอ่อนแรงลงเท่านั้น