“สิงคโปร์” แซง “สหรัฐ” ขึ้นแชมป์ขีดแข่งขันด้าน ศก.

ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก “สิงคโปร์” กลับสามารถขึ้นเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก ตามรายงาน “การจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจทั่วโลก” โดย สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาการจัดการ หรือ”ไอเอ็มดี” ของสวิตเซอร์แลนด์ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมาล้มเจ้าของตำแหน่งเดิมในปี 2018 อย่าง “สหรัฐอเมริกา” ได้

รายงานระบุว่า “สิงคโปร์” เป็นประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันอันดับหนึ่งจากทั้งหมด 63 ประเทศด้วยปัจจัย 4 ด้าน ได้แก่ 1.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีขั้นสูง 2.ความพร้อมของแรงงานที่มีทักษะ 3.กฎหมายคนเข้าเมืองที่ดี และ 4.แนวทางการเริ่มธุรกิจใหม่ที่มีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ สิงคโปร์ได้คะแนนเป็นอันดับ 3 ด้านวินัยทางการคลังของรัฐบาลและกฎหมาย อันดับ 5 ในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนระหว่างประเทศ ส่วนประสิทธิภาพของเอกชนและความสะดวกในการเข้าถึงทุนอยู่เป็นอันดับที่ 5 และอันดับ 6 ในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมด้านวิทยาศาสตร์ สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และการศึกษา

อาร์ตูโร บริส ผู้อำนวยการของไอเอ็มดีระบุว่า สิงคโปร์ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งเพราะขนาดเศรษฐกิจเล็ก สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ง่าย และนโยบายรัฐที่ประสบความสำเร็จในระยะยาว

ขณะที่ ชาน ชุน ซิง รัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ชี้ว่า “แม้ว่าจะเป็นข่าวที่สร้างกำลังใจให้เรา แต่เรายังคงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้คนและธุรกิจของเรา”

และระบุว่า แม้จะเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กและเปิดกว้างซึ่งไม่สามารถแข่งขันในด้านราคาหรือขนาดของตลาดได้ แต่ศักยภาพด้านการเชื่อมต่อกับตลาดภายนอกด้วยเทคโนโลยี รวมถึงคุณภาพและความคิดสร้างสรรค์ ทำให้สิงคโปร์เป็นที่ไว้วางใจในการลงทุนและร่วมมือกับประเทศพันธมิตร

นอกจากสิงคโปร์ ยังมีประเทศอื่นในเอเชีย-แปซิฟิกถึง 11 ประเทศ จาก 14 ประเทศที่ได้เลื่อนอันดับขึ้นหรือสามารถรักษาอันดับเดิมของปีก่อนไว้ได้ เช่น ไทยขึ้นมา 5 อันดับ เป็นอันดับที่ 25 และอินโดนีเซียขึ้นมา 11 อันดับ เป็นอันดับที่ 32

นับเป็นสัญญาณว่าภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่มหาอำนาจอย่างสหรัฐและจีนเผชิญกับ “สงครามการค้า” ราคาน้ำมันสูงขึ้น

รวมถึงความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ ส่วนญี่ปุ่นก็เผชิญภาวะเศรษฐกิจซบเซาและหนี้ภาครัฐ ทำให้ตกไป 5 อันดับ มาอยู่ที่อันดับ 30 ของโลก