สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ตามที่หนังสือพิมพ์โชซุน อิลโบ ของเกาหลีใต้รายงานว่า นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือได้สั่งประหารเจ้าหน้าที่ระดับสูงรวม 5 ราย และลงโทษเจ้าหน้าที่อีกหลายราย ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเจรจาสุดยอดเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีกับสหรัฐอเมริกา ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนามเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถบรรลุข้อยุติได้นั้น ไม่เป็นความจริง แต่บุคคลเหล่านั้นยังคงมีชีวิตอยู่ภายใต้การคุมตัวของทางการเกาหลีเหนือ ตามที่แหล่งข่าวของซีเอ็นเอ็นระบุ
ตามรายงานของโชซุน อิลโบ ระบุว่า นายคิม ฮย็อก โชล นักการทูตพิเศษและหัวหน้าคณะเจรจาของเกาหลีเหนือกับสหรัฐ ถูกประหารชีวิตแล้วด้วยการยิงเป้าที่สนามบินในกรุงเปียงยาง เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ แต่แหล่งข่าวของซีเอ็นเอ็นระบุว่า เขายังมีชีวิตอยู่ แต่อยู่ภายใต้การควบคุมตัวและสอบสวนโดยทางการ รวมถึงนางซิน ฮเย ยง ล่ามในการประชุมการที่ฮานอยก็ถูกควบคุมตัวด้วยเช่นกัน
ขณะที่นายคิม ยอง โชล ผู้นำระดับสูงของทางการเกาหลีเหนือผู้ที่เคยเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว ตามรายงานของโชซุน อิลโบระบุว่า เขาถูกปลดออกจากตำแหน่งระดับสูง พร้อมกับการประหารชีวิตของนายคิม ฮย็อก โชล
แต่เรื่องราวดังกล่าวกลับไม่ได้รับการยืนยันจากฝ่ายใด นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐระบุว่า ทางการสหรัฐกำลังตรวจสอบรายงานเรื่องนี้อย่างละเอียด ขณะที่ทางการเกาหลีใต้ระบุว่า ไม่ควรที่จะด่วนสรุปหรือแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมา สื่อของเกาหลีเหนือได้เผยภาพการชมการแสดงของนายคิม จอง อึน ร่วมกับภริยาและผู้นำระดับสูงของเกาหลีเหนือ โดยในภาพดังกล่าวปรากฎภาพของนายคิม ยอง โชล ร่วมชมการแสดงอยู่ด้วย ซึ่งยืนยันได้ว่านายคิม ยอง โชลยังไม่ได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้นำระดับสูงของเกาหลีเหนือแต่อย่างใด
ซึ่งซีเอ็นเอ็นได้สอบถามข้อเท็จจริงไปยังหนังสือพิมพ์โชซุน อิลโบ จากกรณีการรายงานข่าวการประหารชีวิตและการปลดจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ และได้รับคำตอบว่า “ข่าวนี้ผิดพลาด”
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวของซีเอ็นเอ็นระบุว่า นายคิม ยอง โชลดูเหมือนจะถูกลดอำนาจลงมากหลังการประชุมที่ฮานอย ซึ่งแม้เขาจะไม่ถูกส่งตัวไปใช้แรงงานหนัก แต่ถูกกักบริเวณในห้องทำงานเพื่อให้เขียนคำวิจารณ์ตนเอง
ส่วนนายคิม ฮย็อก โชล แหล่งข่าวระบุว่ายังไม่มีการพิจารณาโทษอย่างเป็นทางการ แต่มีโอกาสที่จะได้รับโทษอย่างหนัก นอกจากนี้นายคิม ซง ฮเย หนึ่งในทีมเจรจาของเกาหลีเหนือยังถูกควบคุมตัวและกำลังถูกสอบสวนอยู่ด้วย
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือจะหายหน้าหายตาไปจากสาธารณะ และกลับมาใหม่หลังจากผ่านช่วงเวลาที่เรียกว่า “การเรียนรู้ใหม่” อย่างกรณีของนายคิม ยอง จู น้องชายของนายคิม อิล ซุง ผู้ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือและปู่ของนายคิม จอง อึน ผู้คนปัจจุบัน โดยนายคิม ยอง จูหายตัวไปนานกว่า 20 ปีจากปี 1970 และกลับมาปรากฎตัวอีกครั้งในปี 1993
ทั้งนี้เกาหลีเหนือได้เริ่มทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลอีกครั้งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังระงับไว้ในช่วงระหว่างการเจรจากับสหรัฐ นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2017 สร้างความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีอีกครั้ง