การประท้วงต่อต้านการผ่าน “ร่างกฎหมายการส่งตัวผู้ต้องสงสัยในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน” จากเขตปกครองพิเศษฮ่องกงไปยังจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมชุมนุมถึง 1.03 ล้านคนตามข้อมูลจากผู้จัดการการชุมนุม นับเป็นการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 22 นับจากฮ่องกงพ้นจากการปกครองของอังกฤษในปี 1997
สำนักข่าวเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ วันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา นางแคร์รี่ หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกงประกาศยืนยันที่จะเดินหน้าพิจารณากฎหมายดังกล่าวในสภานิติบัญญัติของฮ่องกงในวันที่ 12 มิ.ย. ซึ่งหากกฎหมายนี้ผ่านจะมีผลบังคับใช้ในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนของฮ่องกงไปยังเขตอำนาจศาลในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ชาวฮ่องกงถูกพิจารณาอย่างไม่เป็นธรรมในจีนแผ่นดินใหญ่
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
ทั้งนี้นางหล่ำกล่าวว่าจะเดินหน้าสร้างความเข้าใจกับชาวฮ่องกงเพื่อไม่ให้เกิดความวิตกกังวลและความแตกแยกในสังคมมากไปกว่านี้ “ฮ่องกงจะต้องเดินหน้า ไม่มีใครอยากให้ฮ่องกงเป็นเป็นที่หลบซ่อนของผู้กระทำผิดกฎหมาย”
ทั้งนี้ได้ยังได้ประกาศเตือนโรงเรียน ภาคธุรกิจ และสหภาพแรงงานต่าง ๆ ขอให้ทบทวนอย่างรอบคอบอีกครั้งก่อนการชุมนุม เนื่องจากอาจเกิดอันตรายขึ้นกับเยาวชนที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหว
“ฉันหวังว่าโรงเรียน ผู้ปกครอง ผู้จัดการการชุมนุม ภาคธุรกิจ และสหภาพต่าง ๆ จะตัดสินใจอย่างรอบคอบก่อนที่จะสนับสนุกการเคลื่อนไหวที่รุนแรง” นางหล่ำกล่าว “ไม่มีสังคมอารยะที่ใดอยากเห็นเยาวชนอยู่แถวหน้าของการประท้วง การมีคดีความจะส่งผลทางกฎหมายต่อชีวิตของพวกเขาในระยะยาว”
เฟลิกซ์ ชอง สมาชิกของสภานิติบัญญัติแห่งฮ่องกง พรรคลิเบอรัล กล่าวว่า แผนการชุมนุมประท้วงจะไม่ส่งผลใด ๆ ต่อคณะผู้บริหารของฮ่องกง แต่จะสร้างความเสียหายต่อภาคธุรกิจเสียเอง
การประกาศเตือนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ร้านอาหาร ร้านค้า และภาคธุรกิจกว่าร้อยแห่งประกาศปิดทำการในวันที่ 12 มิ.ย. เพื่อให้พนังงานได้หยุดงานและเข้าร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านร่างกฎหมายดังกล่าว
ขณะที่นักเรียน นักศึกษาจากหลายสถานศึกษาก็ประกาศแผนที่จะหยุดการเรียนการสอนในวันเดียวกัน โดยผู้นำการประท้วงคาดหวังว่าจะมีผู้เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน
ทั้งนี้การชุมนุมครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. มีการใช้ความรุนแรงเข้าปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะที่ทางการฮ่องกงได้ระบุว่ามีผู้ชุมนุมเพียง 240,000 ราย และเจ้าหน้าที่ได้มีการจับกุมผู้ชุมนุมที่กระทำผิดกฎหมายแล้ว 19 ราย และยังมีอีก 358 รายที่อาจถูกดำเนินคดีจากการกระทำที่ผิดกฎหมายโดยส่วนใหญ่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ภาคธุรกิจของฮ่องกงเตือนไปยังผู้บริหารว่า การผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวจะบ่อนทำลายความเชี่อมั่นของนักลงทุนในฮ่องกงและทำลายความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ
นายเฟรด หู ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร “Primavera Capital Group” บริษัททุนเอกชนของจีน กล่าวว่า “ความมั่นคงและความเป็นอิสระของระบบกฎหมายจะกำหนดอนาคตของฮ่องกง” ซึ่งการเลือกทางเดินที่ผิดพลาดจะทำลายโอกาสทางธุรกิจของฮ่องกงด้วย
อย่างไรก็ตาม สภาหอการค้าฮ่องกงออกแถลงการว่าเป็นเรื่อง “น่ายินดี” ผู้บริหารจะมีมาตราการพิเศษ ขณะที่พรรคพันธมิตรธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญสำหรับฮ่องกง (Business and Professionals Alliance for Hong Kong) ระบุว่า การออกกฎหมายนี้ “จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกภาคส่วนของสังคม”
หอการค้าอเมริกันในฮ่องกงระบุว่า “หอการค้าอเมริกันรู้สึกว่ามีความไม่แน่นอนมากเกินไปในพื้นฐานของการเสนอกฎหมาย ซึ่งยังคงต้องได้รับการแก้ไขและอธิบายต่อสังคมฮ่องกงในวงกว้าง ก่อนการบังคับใช้กฎหมาย”
ขณะที่หอการค้ากลุ่มประเทศนอร์ดิก ตัวแทนของประเทศสวีเดน เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และนอร์เวย์ ได้แสดงความกังวลต่อกฎหมายดังกล่าวที่ “ยังไม่มีการพิจารณาอย่างละเอียด” ทำให้ฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางของความมั่นคงและความโปร่งใสตกอยู่ในความเสี่ยง
ทั้งนี้ สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ เมืองฮ่องกง ประกาศแจ้งเตือนคนไทยในฮ่องกง โดยระบุว่า ในวันพุธที่ 12 มิถุนายน 2562 จะมีการพิจารณาเรื่องการปรับแก้กฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่สภานิติบัญญัติฮ่องกง ย่าน Admiralty ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นในวันและบริเวณดังกล่าว
ยังคงต้องติดตามกันต่อไปว่า ท่าทีของภาคธุรกิจที่มีต่อผู้บริหารของฮ่องกงซึ่งแสดงออกว่าสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว จะส่งผลสะเทือนต่อภาคธุรกิจของไทยอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่ชาวฮ่องกงถือว่ามีสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทยเป็นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว