“ทรัมป์” ประกาศศึกใหม่ จ่อขึ้นภาษี “ไวน์ฝรั่งเศส”

(Boris Horvat/ AFP)

“ไทมส์” รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริการะบุว่า เตรียมออกมาตรการบางอย่างสำหรับ “ไวน์ฝรั่งเศส” ที่ปัจจุบันมีอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐต่ำมาก ขณะที่ประเทศฝรั่งเศสเก็บภาษีการนำเข้าไวน์ของสหรัฐสูงกว่า

โดย “ทรัมป์” กล่าวกับผู้สื่อข่าวซีเอ็นบีซี หลังจากกลับจากการเยือนฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า “ฝรั่งเศสเก็บภาษีไวน์จากเรา (สหรัฐ) มากเกินไป และเราก็เรียกเก็บน้อยเกินไปสำหรับไวน์ฝรั่งเศส”

“ผู้ผลิตไวน์จากแคลิฟอร์เนียมาหาผมและกล่าวว่า ‘ท่าน!’ พวกเราจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อนำผลิตภัณฑ์ของเราไปยังฝรั่งเศส แต่ประเทศนี้ (สหรัฐ) กลับอนุญาติให้ไวน์ฝรั่งเศสเข้ามาโดยแทบจะไม่เสียอะไร ไวน์ฝรั่งเศสเป็นไวน์ที่ดี แต่เราก็มีไวน์ที่ดีเหมือนกัน นี่ไม่ยุติธรรม เราต้องทำอะไรบางอย่างกับเรื่องนี้”

ประธานาธิบดีทรัมป์เคยทวีตข้อความถึงประเด็นนี้เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้วว่า เป็นเรื่องยากมากสำหรับผู้ผลิตชาวอเมริกันที่จะจำหน่ายไวน์ในฝรั่งเศส แต่สหรัฐสามารถทำให้ “ง่าย” ได้โดย “ต้องเปลี่ยนแปลง” วิธีการนำเข้าไวน์จากฝรั่งเศส

ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พบกับ “เอ็มมานูแอล มาครง” ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสในงานรำลึกครบรอบ 75 ปี เหตุการณ์ “ดี-เดย์” ที่เมืองนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศส แต่ไม่มีรายงานว่าได้มีการหารือกันเรื่องภาษีไวน์หรือไม่ แต่ทรัมป์กล่าวกับมาครงว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผม และฝรั่งเศสกับสหรัฐนั้นยอดเยี่ยมมาก”

ตามข้อมูลของสถาบันไวน์โดยกลุ่มผู้ผลิตไวน์แคลิฟอร์เนียระบุว่า สหรัฐคิดอัตราภาษี 0.05 ดอลลาร์สหรัฐต่อการนำเข้าสตีล ไวน์ (Still Wine) หรือไวน์ไม่มีฟองไวน์ 750 มิลลิลิตร และ 0.14 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับสปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) หรือไวน์อัดลม 750 มิลลิลิตร ขณะที่สหภาพยุโรปคิดอัตราภาษี 0.11 ดอลลาร์สหรัฐต่อการนำเข้าสตีล ไวน์และ 0.29 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับสปาร์คกลิ้งไวน์ในปริมาณเดียวกัน

สหรัฐถือได้ว่าเป็นผู้นำเข้าไวน์รายใหญ่จากสหภาพยุโรปถึง 1 ใน 3 ของปริมาณการส่งออกทั้งหมดในปี 2017 ตามข้อมูลของสำนักสถิติแห่งสหภาพยุโรป ในทางกลับกันสหภาพยุโรปนำเข้าไวน์จากสหรัฐเพียง 16% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด

ทั้งนี้การออกมาตรการใด ๆ ของสหรัฐต่อไวน์ของฝรั่งเศสอาจกระทบต่อการอุตสาหกรรมไวน์ของชาติสมาชิกสหภาพยุโรปทั้งหมดด้วย