สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สมาคมการจัดการธุรกิจค้าปลีกของฮ่องกงคาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกในเดือน ก.ค. และ ส.ค. จะลดลงสองหลักจากปีก่อนหน้า เนื่องจากการประท้วงกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่กินเวลานานหลายเดือน จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตแบบเลขหลักเดียว
ทั้งนี้ สมาคมยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลจีนและผู้บริหารฮ่องกงใช้มาตรการกับผู้ชุมนุมด้วยแนวทางสันติวิธี หลังจากที่มีผู้ออกมาร่วมการชุมนุมบนท้องถนนหลายล้านคน ถือเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดและรุนแรงที่สุดในฮ่องกงในหลายช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รับสิทธิส่วนลดค่าไฟ-ค่าน้ำ เช็กช่องทางลงทะเบียน
โดยวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา ผู้ประท้วงได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในห้างสรรพสินค้าหลักของฮ่องกง โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ขว้างปาร่มและขวดพลาสติกตอบโต้เจ้าหน้าที่ที่ยิงสเปรย์พริกไทยและพยายามสกัดกั้นผู้ชุมนุมด้วยกระบอง ในแถลงการณ์ของสมาคมการจัดการธุรกิจค้าปลีกได้ระบุว่า “ภาคอุตสาหกรรมค้าปลีกเป็นห่วงว่าสถานการณ์เช่นนี้จะกระทบต่อภาพลักษณ์ของฮ่องกงในสายตาของนานาชาติ”
ในเดือนที่ผ่านมา ไพรซ์วอเทอร์เฮาส์คูเปอส์ (PwC) บริษัทตรวจสอบบัญชีของอังกฤษได้ปรับลดยอดการค้าปลีกตลอดทั้งปีนี้ลงเป็น 5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 3% โดยสาเหตุหลักคือ สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ความปั่นป่วนของตลาดตราสารทุนและความไม่แน่นอนของเงินหยวน รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองในฮ่องกง ประกอบกับการไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ อาจทำให้นักท่องเที่ยวลดลงไปด้วย ซึ่งยอดการค้าปลีกฮ่องกงในเดือน พ.ค. ลดลงไปแล้ว 3.1% จากปีก่อนหน้า