สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า “สตาร์บัคส์” ปรับเพิ่มประมาณการผลกำไรและรายได้ของปีนี้สูงขึ้น หลังจากที่ยอดขายในสหรัฐอเมริกาและจีนเพิ่มขึ้น ทำให้หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นถึง 6.5% ขณะที่มูลค่าทางการตลาดอยู่ที่ 110,200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 41%
เควิน จอห์นสัน (Kevin Johnson) ซีอีโอของสตาร์บัคส์แถลงว่า “ตลาดเป้าหมายระยะยาวของเราคือ สหรัฐและจีน กำลังดำเนินไปได้ดีในหลายแผนการกระตุ้นยอดขายของเรา ไม่ว่าจะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้า การผลักดันเครื่องดื่มใหม่ และการเร่งขยายความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล”
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ตามรายงานของสตาร์บัคส์คาดว่า รายได้ของบริษัทในไตรมาสที่ 3 จะอยู่ที่ 1,370 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.12 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 852.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 0.61 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น
ขณะที่ประมาณการรายได้ของปีนี้คาดว่า กำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ 2.80-2.82 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวก่อนหน้านี้ที่มีกำไรต่อหุ้น 2.75-2.79 ส่วนการเติบโตของรายได้จะอยู่ที่ 7% และยอดขายสุทธิจะเพิ่มขึ้น 8% เป็น 6,820 ล้านดอลลาร์สหรัฐเกินเป้าหมายเดิมที่ 6,670 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจัยหลักมาจากยอดขายของสตาร์บัคส์ในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นราว 3% จากโปรโมชั่นในการดึงดูดลูกค้ามากขึ้น อย่างเช่นช่วงเวลาบ่ายอย่าง “Happy Hour” ประกอบกับการเพิ่มจำนวนร้านใหม่จำนวนมาก ทำให้มีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นราว 17.2 ล้านคน
ขณะที่ในจีน สตาร์บัคส์ได้เปิดตัวการให้บริการเดลิเวอรี่ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อแข่งขันกับสตาร์ทอัพกาแฟรายอื่นอย่าง “ลักกิ้นคอฟฟี่” รวมถึงการเปิดสาขาใหม่จำนวน 442 สาขา ทำให้สตาร์บัคส์มียอดการเติบโตขึ้น 6%