เหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงเกิดขึ้นต่อเนื่องมาร่วมหนึ่งเดือนแล้ว ขณะที่สถานการณ์ยังดูจะยืดเยื้อและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงส่วนใหญ่ยังคงเรียกร้องให้ “แคร์รี่ ลัม” ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ลาออกจากตำแหน่ง
ล่าสุด “ฟิทช์ เรทติ้งส์” เตือนในวันนี้ (31 ก.ค.) ระบุว่า ความวุ่นวายที่เกิดจากการชุมนุมประท้วงทางการเมืองในฮ่องกง และการที่ประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาลเพิ่มขึ้น กำลังเพิ่มความเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นทางธุรกิจในฮ่องกงให้ถูกลดทอนลงไปเรื่อยๆ ในฐานะที่ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ความเสี่ยงเหล่านี้จะสามารถกระทบต่อคุณภาพทางเศรษฐกิจของฮ่องกงได้
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุว่า เหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงจะกระทบต่อคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของฮ่องกง ให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงได้ในอนาคต โดยคาดว่า อัตราการเติบโตของ GDP ฮ่องกงอยู่ที่ 1.6% ในปี 2019 ขณะที่ก่อนหน้านี้ ฟิทช์ เคยจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของฮ่องกงเป็น “AA+” และถึงแม้ว่าไม่ได้ลดอันดับลงแต่ก็ ระบุในรายงานล่าสุดว่า สถานการณ์ของฮ่องกงอยู่ในระดับ “considerable” หรือ “ติดตามเพื่อการพิจารณา”
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ประท้วงไว้อย่างน้อย 49 ราย โทษฐานชุมนุมโดยไม่ได้รับอนุญาต และครอบครองอาวุธร้ายแรง ขณะที่ระบุด้วยว่า ขณะนี้สถานกาณ์ในฮ่องกงเริ่มไม่ปลอดภัย เพราะไม่ใช่แค่มีการประท้วงบนท้องถนน แต่มีการสร้างสถานการณ์ไม่สงบในบริเวณรถไฟใต้ดิน และระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ มากขึ้นทุกวัน
ขณะเดียวกัน ในวันเดียวกันกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือน “พายุโซนร้อนวิภา” (Wipha) กำลังเคลื่อนตัวเข้าในหลายพื้นที่ของฮ่องกง โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า สถานการณ์จากภัยธรรมชาตินี้อาจจะรุนแรงอย่างมาก ซึ่งเสี่ยงต่อการทำลายและสร้างความเสียหายในฮ่องกงยิ่งไปอีก
โดยทางการประกาศเตือนประชาชนแล้ว พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้ร้านค้าในย่านธุรกิจ ตลาดหลักทรัพย์ รวมไปถึงบริการขนส่งสาธารณะที่เตรียมปิดให้บริการเร็วกว่าปกติในวันนี้ด้วย
