สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า การเจรจาเพื่อหาข้อตกลงในการยุติ “สงครามการค้า” ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาที่เซี่ยงไฮ้ ระหว่างวันที่ 31 ก.ค. -1 ส.ค. ที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมและยังไม่มีสัญญาณว่าสงครามการค้าจะยุติลงในเร็ว ๆ นี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะระบุว่า การเจรจาครั้งนี้ “พัฒนาขึ้นอย่างสร้างสรรค์”
กระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุว่า การเจรจาครั้งนี้เป็นไปอย่าง “ยุติธรรม มีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์” และยังระบุว่าทั้งสองชาติได้หารือกันถึงความสามารถของจีนในการซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ ขณะที่ทางการสหรัฐได้ระบุว่า “ฝ่ายจีนยืนยันที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรของสหรัฐ” แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และอย่างไร
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
นอกจากนี้ทั้งสองชาติยังหารือกันในประเด็น “ที่จีนบังคับให้บริษัทของสหรัฐถ่ายทอดเทคโนโลยีซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญา” รวมถึงการให้บริการของบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ซึ่งพุ่งเป้าไปยัง “หัวเว่ย” บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน แต่ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แม้สหรัฐจะผ่อนปรนด้วยการออกใบอนุญาตให้บางบริษัทสามารถทำธุรกิจกับหัวเว่ยได้
ทั้งนี้ สหรัฐจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการเจรจารอบใหม่ในเดือน ก.ย. นี้ แต่ความคาดหวังว่าสงครามการค้าจะยุติลงยังคงเลือนราง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าจะใช้มาตรการทางภาษีกดดันจีนอีกครั้ง โดยครั้งนี้สหรัฐจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในอัตราภาษี 10% มีผลในวันที่ 1 ก.ย. นี้ ตามที่ทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์ส่วนตัว
…during the talks the U.S. will start, on September 1st, putting a small additional Tariff of 10% on the remaining 300 Billion Dollars of goods and products coming from China into our Country. This does not include the 250 Billion Dollars already Tariffed at 25%…
— Donald J. Trump (@realDonaldTrump) August 1, 2019
ขณะที่สงครามการค้าส่งผลให้ตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐที่ซบเซาในช่วงที่ผ่านมา ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางของสหรัฐ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% อีกครั้งภายในสิ้นปีนี้ โดยอาจเป็นการประชุมในเดือน ก.ย. หรือ พ.ย. ที่จะถึงนี้ตามการคาดการณ์ของ CME FedWatch หลังจากที่ Fed ปรับลดไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา