นักวิเคราะห์ชี้ “เทรดวอร์+ฮ่องกง” ทำ “เงินหยวน” อ่อนค่ามากสุดในรอบ 11 ปี

AFP PHOTO/GOH CHAI HIN

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า “เงินหยวน” ของจีนอ่อนค่าลงแตะระดับ 7.0240 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐซึ่งถือว่าเป็นการอ่อนค่ามากที่สุดนับแต่ปี 2008 โดยเป็นผลมาจาก “สงครามการค้า” ที่เพิ่มความตึงเครียดมากขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาประกาศเตรียมขึ้นอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐอีก 10% ในเดือน ก.ย. ที่จะถึงนี้ ประกอบกับ “ความวุ่นวายในฮ่องกง” ที่ทำให้จีนขาดสภาพคล่องทางการเงิน

ทั้งนี้ การลดลงของค่าเงินหยวนเป็นการกระตุ้นการขายเงินหยวนทั้งในตลาดหุ้นระดับภูมิภาคและในต่างประเทศ รวมถึงการขายเงินรูเปียของอินโดนีเซีย เงินวอนของเกาหลีใต้ และสกุลเงินอื่น ๆ อีกด้วย นักวิเคราะห์หลายคนต่างมองว่านี่เป็นความตั้งใจของธนาคารกลางจีนเพื่อตอบโต้มาตรการภาษีของสหรัฐหรือไม่

Rob Carnell หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และฝ่ายวิจัยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ ING ในสิงคโปร์ชี้ว่า ยังคงต้องตามดูต่อไป หากจีนมีความพยายามแก้ปัญหาเงินหยวนก็แสดงว่า จีนยังคงไม่ต้องการเห็นค่าเงินหยวนอ่อนค่ากว่าดอลลาร์สหรัฐ แต่ถ้าจีนไม่พยายามแก้นั่นแสดงว่าค่าเงินหยวนที่ตกลงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตอบโต้สหรัฐของจีน

นอกจากนี้ยังกล่าวว่า “สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีภายใน 24 ชม. หลังจากจบการเจรจาที่เซี่ยงไฮ้ โดยไม่มีใครคาดคิดว่าทรัมป์จะตัดสินใจรวดเร็วเพียงนี้ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้จีนยากที่จะตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไป”

ด้าน Ben Luk นักยุทธศาสตร์สินทรัพย์อาวุโสของ State Street Global Markets ชี้ว่า การลดค่าเงินหยวนลงเล็กน้อยช่วงลดความเสี่ยงให้กับภาคการผลิต เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง แต่การใช้เงินหยวนเป็นเครื่องมือในสงครามการค้าเป็นอันตรายมากกว่าเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เพราะไม่เพียงก่อให้เกิดความไม่มั่นใจต่อสกุลเงินเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่การไหลออกของเงินทุน

อย่างไรก็ตาม Cliff Tan หัวหน้านักวิจัยตลาดเอเชียตะวันออกของ MUFG ในฮ่องกงกลับไม่เห็นด้วยว่าจีนจะใช้สกุลเงินหยวนเป็นเครื่องมือในสงครามการค้า “จีนคงไม่ต้องการทำให้ทรัมป์โกรธแค้นเพิ่มขึ้นอีก” แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเกิดจากสถานการณ์ในฮ่องกงที่ทำให้สภาพคล่องทางการเงินของจีนลดลง รวมถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินวอนเกาหลีใต้และดอลลาร์ไต้หวัน แต่อย่างไรก็ตาม Cliff Tan มองว่าหยวนคงไม่อ่อนค่าลงไปมากกว่านี้

ด้าน Julian Evans-Pritchard นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสผู้เชี่ยวชาญจีนของ Capital Economics ในสิงคโปร์ระบุว่า “หลังการประกาศขึ้นภาษีของทรัมป์ จีนไม่มีทางเลือกในการตอบโต้มากนัก ซึ่งค่าเงินเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุด” อย่างไรก็ตามจีนคงไม่ปล่อยให้ค่าเงินหยวนร่วงลงไปต่ำกว่านี้เพราะยิ่งนานค่าเงินยิ่งจะอ่อนลงไปมากขึ้น


ส่วน Ei Kaku นักยุทธศาสตร์ค่าเงินของ Nomura Securities ในโตเกียวระบุว่า “ไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลจีนคิดว่าควรลดค่าเงินหยวนเพื่อเจรจาการค้ากับสหรัฐที่ประกาศขึ้นภาษี และยังมีความเป็นไปได้ว่าเงินหยวนอาจอ่อนค่าลงไปถึง 7.2 ต่อดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสนี้”