สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า รัฐบาลอังกฤษแถลงการณ์ว่า โอกาสที่จะเกิดการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ “เบร็กซิต” แบบมีข้อตกลงจะเกิดขึ้นได้ หากมีการเปิดการเจรจาข้อตกลงใหม่อีกครั้งระหว่างอังกฤษและอียู รวมถึงต้องยกเลิกแผนการที่จะให้ไอร์แลนด์เหนือคงอยู่ในสหภาพศุลกากรหรือ “แบ็คสต็อป” (Backstop) ด้วย
แถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่สหภาพยุโรปได้เสนอ “ทางเลือกในการจัดการ” แก่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษ เพื่อแก้ไขปมปัญหาพื้นที่ชายแดนไอร์แลนด์เหนือของอังกฤษกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ หลังเบร็กซิตที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
โดย โดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า การไอร์แลนด์เหนือยังคงอยู่สหภาพศุลกากรของยุโรปต่อไป จะช่วยลดปัญหาพรมแดนและหลีกเลี่ยงมาตรการควบคุมพรมแดนแบบเข้มงวด (hard border) บนเกาะไอร์แลนด์ เพื่อให้ยังสามารถขนย้ายสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างไอร์แลนด์เหนือและสาธารณรัฐไอร์แลนด์ได้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม จอห์นสันระบุว่า แนวคิดแบ็คสต็อปเป็น “การคุกคามประชาธิปไตย” ของอังกฤษ เนื่องจากอาจทำลายกระบวนการสันติภาพและสร้างความแตกแยกระหว่างอังกฤษกับไอร์แลนด์เหนือได้ ทั้งนี้จอห์นสันยังได้ส่งจดหมายถึงทัสก์ โดยเรียกร้องให้สภาพยุโรปถอนแนวทางเบ็กสตอปออกจากข้อตกลงเดิมที่เคยทำไว้กับ เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษคนก่อน
นอกจากนี้รัฐบาลอังกฤษยังได้ประกาศว่า เจ้าหน้าที่ของอังกฤษจะยุติการเข้าร่วมการประชุมส่วนใหญ่ของสภาพยุโรป ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.เป็นต้นไป โดยกระทรวงการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษระบุว่า การไม่เข้าร่วมประชุมกับสหภาพยุโรปจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ของอังกฤษไม่ต้องมีพันธะต่อการอภิปรายเกี่ยวกับอนาคตของอียูหลังจากอังกฤษถอนตัวออกไป และทำให้พวกเขาสามารถกลับมามุ่งเน้นการทำงานที่สำคัญต่ออังกฤษได้ทันที
ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้า จอห์นสันจะได้เข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลของเยอรมนีและ นายกรัฐมนตรีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส เป็นครั้งแรกหลังจากที่จอห์นสันรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ
