สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า “สภาผู้แทนราษฎรของอังกฤษ” ได้ออกเสียงลงคะแนนเห็นชอบต่อร่างกฎหมายป้องกันการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลงหรือ “โนดีลเบร็กซิต” เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยร่างกฎหายดังกล่าวจะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาขุนนางหรือสภาสูงในวันพรุ่งนี้ (6 ก.ย.) และต้องได้รับการรับรองจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
กฎหมายดังกล่าวจะส่งผลให้ “บอริส จอห์นสัน” นายกรัฐมนตรีของอังกฤษจำเป็นต้องดำเนินการเจรจากับสหภาพยุโรป (อียู) อีกครั้ง เพื่อขอขยายกรอบเวลาเบร็กซิตออกไปเป็นวันที่ 31 ม.ค. 2020 จากเดิมที่กำหนดไว้วันที่ 31 ต.ค. 2019 เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้อภิปรายและลงคะแนนเกี่ยวกับข้อตกลงเบร็กซิตที่จะมีกับอียู
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
อย่างไรก็ตาม หากอียูไม่ยินยอมให้อังกฤษขยายกรอบเวลาหรือกำหนดกรอบเวลาอื่นมาให้ ส.ส.อังกฤษมีสิทธิที่จะปฏิเสธกรอบเวลานั้น กฎหมายนี้ยังกำหนดให้คณะรัฐมนตรีต้องรายงานความคืบหน้าการเจรจาเบร็กซิตต่อสภาอีกด้วย นับเป็นการให้อำนาจต่อ ส.ส. ในการควบคุมกรอบเวลาเบร็กซิตมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายจอห์นสันยังคงแสดงความต้องการที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 15 ต.ค. เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินทิศทางของเบร็กซิตอีกครั้ง โดยโฆษกของรัฐบาลอังกฤษระบุว่า ขณะนี้มีตัวเลือกระหว่าง มีข้อตกลง ไร้ข้อตกลง หรือล่าช้ามากขึ้น “มันชัดเจนว่าสิ่งที่ควรทำคือการกลับไปยังประชาชน และให้พวกเขาตัดสินใจว่า พวกเขาต้องการอะไร”
แต่พรรคเลเบอร์ ฝ่ายค้านระบุว่า ไม่มีทางที่จะเห็นชอบให้มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ในระยะนี้ หากนายจอห์นสันไม่สามารถขยายเวลาเบร็กซิตออกไปได้ ซึ่งเสี่ยงต่อการเบร็กซิตแบบไร้ข้อตกลง