ความปั่นป่วนในฮ่องกงที่นับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ และเข้าสู่สัปดาห์ที่ 14 แล้ว โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประท้วงได้ชุมนุมกันที่บริเวณสวนสาธารณะ ชาเตอร์ การ์เดน ในเขตเซ็นทรัล ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าไปยังสถานกงสุลของสหรัฐอเมริกา ประจำฮ่องกง
โดยมีรายงานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหลายพันคนชูธงและร้องเพลงชาติสหรัฐ ทั้งยังตะโกนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ช่วยปลดปล่อยฮ่องกงจากประเทศจีน โดยหนึ่งในผู้ชุมนุมกล่าวกับ ซีเอ็นเอ็น ว่ามีความเชื่อมั่นว่าสหรัฐจะช่วยให้บทบาทของระบอบประชาธิปไตยกลับมาสู่ฮ่องกงได้อีกครั้ง และทำให้ฮ่องกงกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (10 ก.ย.) นางแคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเกาะฮ่องกง กล่าวถึงความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุด กล่าวว่า การแทรกแซงกิจการภายในของต่างประเทศ ไม่ว่าจะจากสหรัฐ หรือประเทศอื่น เป็นสิ่งที่ “ยอมรับไม่ได้” พร้อมทั้งยืนยันว่า รัฐบาลจีนและฮ่องกง พยายามแก้ไขจากปมปัญหาที่เกิดขึ้น โดยได้เริ่มขั้นตอนไปแล้วหนึ่งขั้น ก็คือ การถอดร่างกฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดนออกอย่างไม่มีกำหนด
“เราจะไม่อนุญาตให้พวกเขา (สหรัฐและประเทศอื่น) เข้ามามีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการภายในของฮ่องกง” นางลัม กล่าว
ทั้งนี้ นางลัม กล่าวด้วยว่า บริษัทของสหรัฐกว่า 1,400 บริษัทที่ดำเนินธุรกิจในฮ่องกง จะได้ประโยชน์จากความสงบสุขที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ต้องไม่ใช่การควบคุมหรือแทรกแซงกฎหมายของฮ่องกงจากต่างชาติ เพื่อยุติเหตุความวุ่นวายนี้ ปัญหานี้เกิดจาก “ฮ่องกงและจีนเท่านั้น”
