นายกฯ ประยุทธ์ แถลงเป้าอาเซียนบนเวที UN ชู 2 นโยบายหลัก

กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (23 ก.ย.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมการประชุมสุดยอดว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ 2019 (United Nations Climate Action Summit 2019) ในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 74 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก

การประชุมดังกล่าวเป็นข้อริเริ่มของเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อยกระดับความมุ่งมั่นในการดำเนินการของประเทศและภาคส่วนต่าง ๆ ในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก และบรรลุเป้าหมายของความตกลงปารีสภายใต้กรอบอนุสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศสมาชิกอาเซียน โดยนายกรัฐมนตรีได้ประกาศเป้าหมายที่สำคัญของอาเซียน ในด้านสภาพภูมิอากาศ 2 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านพลังงาน อาเซียนจะลดความเข้มข้นของการใช้พลังงานลงร้อยละ 30 และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนร้อยละ 23 ภายในปี 2025 และ (2) ด้านการขนส่งทางบก อาเซียนจะลดการใช้เชื้อเพลิงเฉลี่ยของยานพาหนะขนาดเล็กที่จำหน่ายในอาเซียนร้อยละ 26 ระหว่างปี 2015-2025

รวมถึงจะเสนอและเสริมสร้างมาตรการนโยบายการคลังบนพื้นฐานการประหยัดพลังงาน หรือการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระดับประเทศ พร้อมทั้งส่งเสริมการประกาศใช้มาตรฐานการใช้เชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะขนาดเล็กของแต่ละประเทศ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ ได้เน้นย้ำว่า การต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศและทุกภาคส่วน โดยอาเซียนพร้อมที่จะพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนกับประชาคมโลก ในการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อประกันความยั่งยืนให้กับอนุชนรุ่นปัจจุบันและอนาคต

ถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีเป็นข้อริเริ่มของไทยในฐานะประธานอาเซียน โดยผ่านการเจรจากับประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างเป็นทางการแล้ว และต้องการสะท้อนเป้าหมายการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมในด้านสภาพภูมิอากาศของอาเซียน และเน้นย้ำบทบาทของอาเซียนในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดหลักสำหรับการเป็นประธานอาเซียนของไทย คือ “Advancing Partnership for Sustainability” หรือ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน”