สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า “แคร์รี ลัม” ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงประกาศใช้กฎหมายฉุกเฉินห้ามผู้ชุมนุมปิดบังใบหน้าในการรวมตัวในที่สาธารณะ โดยจะเริ่มมีผลในวันเสาร์ที่ 5 ต.ค. นี้
นางลัม ระบุว่า การตัดสินใจประกาศใช้กฎหมายฉุกเฉิน เนื่องจากไม่สามารถยอมให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปกว่านี้แล้ว ซึ่งนับเป็นความพยายามในการระงับความไม่สงบในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งปะทุขึ้นรุนแรงสูงสุดในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งตรงกับวันสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
อย่างไรก็ตาม กฎหมายดังกล่าวเรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาฉุกเฉินปี 1922” ซึ่งมีการใช้งานมาตั้งแต่สมัยที่ฮ่องกงยังอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร และมีการใช้งานครั้งล่าสุดในปี 1967 ทำให้การประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี
จอห์น ลี เลขานุการด้านความมั่นคงของฮ่องกง ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวจะถูกบังคับใช้ในกรณีการชุมนุมสาธารณะและการเดินขบวน ทั้งที่ได้รับอนุญาตและไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการจลาจลที่ผิดกฎหมาย ซึ่งการห้ามการปิดบังใบหน้านั้นครอบคลุมทั้งการสวมหน้ากากทุกชนิดและการทาสีบนใบหน้า แต่มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่มีเหตุผลด้านสุขภาพหรือความจำเป็นทางวิชาชีพ
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมในฮ่องกงได้สวมหน้ากากปิดบังใบหน้ามากขึ้น เนื่องจากต้องการปกปิดตัวตนของตนเอง รวมถึงป้องกันอันตรายจากแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ นางลัมระบุว่า การห้ามการปิดบังใบหน้าถูกใช้ทั่วโลก อย่างเช่น ฝรั่งเศส เป็นต้น
ด้านกลุ่มผู้ชุมนุมมีปฏิกิริยาต่อต้านทันที โดยมีการเรียกร้องให้ผู้คนสวมหน้ากากเพื่อต่อต้านรัฐบาลมากขึ้น ขณะที่ นักวิเคราะห์บางราย ระบุว่า กฎหมายดังกล่าวยากที่จะบังคับใช้และยังเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรการทางกฎหมายที่รุนแรงเกินไป และอาจกลายเป็นลักษณะของเผด็จการที่เพิ่มสูงขึ้นในฮ่องกง