‘เทสล่า’ เดินเครื่องผลิตในจีน ฝ่ามรสุมกำลังซื้อ ‘รถอีวี’ ชะลอตัว

Workers are seen outside a planned entrance of U.S. electric carmaker Tesla's Gigafactory that is under construction in Shanghai, China September 28, 2019. Picture taken September 28, 2019. REUTERS/Yilei Sun

สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ที่ตึงเครียดมากขึ้นได้ส่งผลกระทบไปถึงหลายภาคส่วน หนึ่งในนั้นคือ “อุตสาหกรรมยานยนต์” ที่มีต้นทุนสูงขึ้นจากมาตรการภาษีที่ตอบโต้กันของทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้ผู้ผลิตต้องใช้ช่องทางใหม่ในการหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อธุรกิจ

“เทสล่า อิงก์” บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) รายใหญ่ของสหรัฐเตรียมที่จะเดินเครื่องการผลิตรถยนต์อีวีรุ่นใหม่ “โมเดล 3” (Model 3) ในโรงงานใหม่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ภายใน
เดือนตุลาคมนี้

แหล่งข่าวของ “รอยเตอร์ส” ระบุว่า “เราตั้งเป้าไว้ว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตภายในเดือน ต.ค. โดยเราตั้งใจจะผลิตให้ได้ 1,000-2,000 คันต่อสัปดาห์”

ถือเป็นโรงงานแห่งแรกของเทสล่าที่อยู่นอกสหรัฐ โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างราว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยกำลังการผลิต 5 แสนคันต่อปี ซึ่งโรงงานแห่งนี้ไม่เพียงแต่ประกอบรถยนต์ แต่ยังผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถอีวีอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อลดการพึ่งพาซัพพลายเออร์และลดค่าใช้จ่ายจากการนำเข้าและการขนส่ง

โรงงานของเทสล่าแห่งนี้ยังเป็นโรงงานผลิตรถยนต์แห่งแรกของจีนที่ถือครองกรรมสิทธิ์โดยชาวต่างชาติ โดยมีรัฐวิสาหกิจของจีนหลายรายเป็นพาร์ตเนอร์ ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ คอนสตรักชั่น กรุ๊ป, ไชน่า คอนสตรักชั่น อินดัสเทรียล แอนด์ เอเนอร์จี เอ็นจิเนียร์ กรุ๊ป, สเตตกริด, เพาเวอร์ คอนสตรักชั่น คอร์ปอเรชั่น ออฟ ไชน่า และไชน่า มินเมทัลส์ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนความเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้นของจีนในการขยายตลาดรถยนต์ภายในประเทศ

นอกจากเป็นความพยายามของเทสล่าในการกระตุ้นยอดขายรถอีวีในจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว การตั้งฐานผลิตในจีนเพื่อรองรับลูกค้าชาวจีน ก็เป็นการหลบเลี่ยงมาตรการภาษีของจีน ที่มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าชิ้นส่วนและรถยนต์จากสหรัฐเป็น 10%

ทั้งนี้ โรงงานของเทสล่าเริ่มเดินเครื่องท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐและความอ่อนแอของตลาดรถภายในจีน โดยพบว่ายอดขายรถอีวีในจีนลดลงต่อเนื่อง 2 เดือนติดต่อกัน ทำให้คาดว่ายอดขายรถยนต์อีวีในจีนปีนี้จะอยู่ที่ 1.5 ล้านคัน ลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะถึง 1.6 ล้านคัน

ขณะที่รายงานการวิจัยของ แอลเอ็มซี ออโตโมทีฟ ระบุว่า ยอดขายของเทสล่าในจีนเพิ่มขึ้นถึง 98% ในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ เนื่องจากความต้องการรถเทสล่าโมเดล 3 ในจีนเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม “เทสล่า” ยังอาจต้องเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งเรื่องปัญหาทักษะและศักยภาพของแรงงานในจีน รวมถึงปัญหาความไม่แน่นอนของซัพพลายเออร์ในการจัดหาชิ้นส่วนรถยนต์ และคำสั่งซื้อรถอีวีในจีนจากความไม่นิ่งของสถานการณ์สงครามการค้า