สำนักข่าวเอพีรายงานว่า “แคร์รี ลัม” ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงกล่าวเตือนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมว่า “ทหารจีน” อาจเข้ามามีบทบาทในการแก้ปัญหาและยุติความวุ่นวายในฮ่องกง หากการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงเลวร้ายไปมากกว่านี้
แต่ยังคงเน้นย้ำว่า “คณะผู้บริหารของฮ่องกง” ยังคงหวังว่าจะสามารถหาทางออกจากวิกฤตครั้งนี้ได้ด้วยตนเอง ลัมยังเรียกร้องให้นานาชาติยอมรับว่าการประท้วงในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาได้มีการใช้ความความรุนแรงมากขึ้นและไม่ได้เป็น “ขบวนการเคลื่อนไหวอย่างสันติเพื่อประชาธิปไตย” อีกต่อไป
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
ลัมระบุว่า “ผู้บริหารของฮ่องกงควรจะจัดการปัญหาด้วยตนเอง แต่ถ้าสถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นก็ไม่มีทางเลือกอื่น เราต้องการให้ฮ่องกงกลับมามีโอกาสอีกครั้ง” ทั้งนี้การแทรงแซงเพื่อยุติความวุ่นวายในฮ่องกงอาจเกิดขึ้นได้ภายใต้ “กฎหมายพื้นฐาน” (Basic Law) ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของฮ่องกงภายใต้รัฐบาลจีน
ทั้งนี้ การชุมนุมประท้วงในฮ่องกงกินระยะเวลายาวนานมาถึง 18 สัปดาห์ โดยมีชนวนเหตุมาจากการพยายามผ่านร่าง “กฎหมายการส่งผู้ร้ายข้ามแดน” ที่ผู้ชุมนุมมองว่าเป็นการเพิ่มอำนาจของรัฐบาลจีนในฮ่องกง ซึ่งอาจนำไปสูการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกง
การประท้วงที่ยืดเยื้อยาวนานส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวของฮ่องกง ในฐานะศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจของจีนโดยรวม ที่กำลังเผชิญความตึงเครียดจากสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” แห่งสหรัฐได้เรียกร้องไปยังประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ของจีนให้สร้างความมั่นใจว่า “จะแก้ไขปัญหาในฮ่องกงอย่างมีมนุษยธรรม” พร้อมทั้งเตือนว่า หากมีการใช้ความรุนแรงอาจส่งผลต่อการเจรจาการค้า 2 ฝ่ายที่กำลังจะเกิดขึ้นที่กรุงวอชิงตันวันที่ 10-11 ต.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม การชุมนุมในฮ่องกงยังคงคุกรุ่น หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านการประกาศใช้กฎหมายฉุกเฉิน เพื่อบังคับไม่ให้มีการปิดบังใบหน้าในการชุมนุมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ถูกจับกุม 2 รายที่ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 1 ปีและถูกปรับในข้อหาสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มผู้ประท้วงมากยิ่งขึ้น โดยคณะผู้บริหารฮ่องกงกำลังประเมินสถานการณ์ เตรียมที่จะบังคับใช้กฎหมายควบคุมอินเทอร์เน็ตในฮ่องกงอีกด้วย
