“ทรัมป์” ลงนามแซงก์ชั่นตุรกี หลังโจมตีที่มั่นชาวเคิร์ด

(Photo by Aref TAMMAWI / AFP)

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนาม “มาตรการแซงก์ชั่นตุรกี” เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยเป็นการคว่ำบาตร 2 กระทรวงของตุรกีคือ กระทรวงกลาโหมและกระทรวงพลังงานของตุรกี รวมถึงเฉพาะตัวบุคคล ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของตุรกีด้วย นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ประธานาธิบดีเรย์จิป เทย์ยิป เออร์โดวาน ของตุรกียุติปฏิบัติการทางทหารในซีเรียด้วย

การแซงก์ชันของสหรัฐดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่ตุรกีได้ใช้กองกำลังทหารโจมตีฐานที่มั่นของชาวเคิร์ดในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำลังชาวเคิร์ดเพิ่งจะตกลงร่วมเป็นพันธมิตรกับสหรัฐในการต่อต้านกองกำลังไอเอส รวมถึงคานอำนาจของรัสเซียและอิหร่านในซีเรียด้วย

ทั้งนี้ทางการของตุรกีระบุว่า ปฏิบัติการทางทหารดังกล่าวเป็นความพยายามผลักดันกองกำลังชาวเคิร์ดออกจากเขตชายแดน ซึ่งรัฐบาลตุรกีต้องการให้เป็นเขตปลอดภัยหรือ “เซฟโซน” ซึ่งกำหนดพื้นที่ราว 30 กม. จากพรมแดนตุรกีเข้าไปในซีเรีย โดยตุรกีต้องการผลักดันผู้ลี้ภัยชาวซีเรียภายในตุรกีราว 2 ล้านคนให้กลับเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว

นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า “การกระทำของรัฐบาลตุรกีกำลังคุกคามพลเรือนผู้บริสุทธิ์ และกำลังสั่นคลอนความมั่นคงในภูมิภาค รวมถึงสร้างความเสียหายต่อการต่อต้านกองกำลังไอเอส” โดยหลายฝ่ายคาดว่าการแซงก์ชั่นครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของตุรกีโดยรวม


ด้านนายไมก์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีของสหรัฐระบุว่า สหรัฐจะดำเนินมาตรการแซงก์ชั่นต่อไปและรุ่นแรงยิ่งขึ้น จนกล่าวตุรกีจะหยุดยิงทันที รวมทั้งยุติการใช้ความรุนแรงและหันมาเจรจาเพื่อแก้ปัญหาตามแนวชายแดนตุรกีและซีเรีย