สถานการณ์การถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) หรือที่เรียกว่า “เบร็กซิต” กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้นมากขึ้น หลังจากที่เมื่อวันเสาร์ที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา สมาชิกรัฐสภาอังกฤษ มีมติ 322 ต่อ 306 เสียงสนับสนุนให้ชะลอการลงคะแนน เพื่อรับรองข้อตกลงฉบับใหม่ของ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ที่บรรลุร่วมกับอียู ก่อนหน้านั้น
โดยทางสภาอังกฤษอ้างเหตุผลว่า การพิจารณาข้อตกลงการเบร็กซิตฉบับ จำเป็นต้องใช้เวลาหารือมากกว่านี้
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
ทั้งนี้ รอยเตอร์ส รายงานว่า ในคืนวันที่ 19 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น นายกฯ จอห์นสัน ได้ส่งจดหมายให้กับอียูทั้งหมด 3 ฉบับ เพื่อขอให้พิจารณาการเลื่อนกำหนดการเบร็กซิต จากเดิมคือวันที่ 31 ต.ค.ที่จะถึงนี้ ขยายออกไปเป็นวันที่ 31 ม.ค.ปี 2020
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ปฏิเสธที่จะลงนามในจดหมายฉบับดังกล่าว “ผมไม่เห็นด้วยกับการขยายเวลาการเบร็กซิต ตามคำร้องขอของทางสภา”
ทั้งนี้ ภายใต้พระราชบัญญัติ เบนน์ (Benn) ทำให้ผู้นำอังกฤษจำเป็นต้องส่งคำร้องขอเลื่อนการเบร็กซิตอัตโนมัติ หากมีเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนให้เลื่อนพิจารณาข้อเจรจาต่างๆ ออกไป โดยนายจอห์นสัน ยืนยันในจดหมายฉบับที่ 3 ว่า ยังคงยึดมั่นต่อจุดยืนของตัวเองที่ไม่เห็นด้วยกับการเลื่อนกำหนดการเบร็กซิต
พร้อมกันนี้ ได้เรียกร้องให้ทางอียู ปฏิเสธคำร้องจากรัฐสภาอังกฤษ เพื่อให้กระบวนการเบร็กซิตสามารถดำเนินการได้ตามกำหนด รวมไปถึงเริ่มต้นข้อเจรจาต่างๆ ที่ได้หารือไว้กับทางอียู
นอกจากนี้ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้ชุมนุมนับล้านคนออกมาเรียกร้องให้มีการ “ประชามติ-เบร็กซิต” อีกครั้ง ท่ามกลางความไม่พอใจที่สถานการณ์เบร็กซิตยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน