สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า นายอัลแบร์โต เฟอร์นันเดซ สามารถเอาชนะการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ก้าวขึ้นดำรงตำแหน่ง “ประธานาธิบดีคนใหม่ของอาร์เจนตินา” โดยสามารถเอาชนะ นายเมาริซิโอ มากรี ประธานาธิบดีคนก่อนหน้าที่ไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจภายในประเทศได้
สาเหตุสำคัญที่ชาวอาร์เจนตินาส่วนใหญ่หันมาเลือกนายเฟอร์นันเดซ เนื่องจากไม่ต้องการ “มาตรการรัดเข็มขัด” ที่เข้มงวดของนายมากรี อย่างเช่นการเพิ่มอัตราภาษีและการลดการอุดหนุนเชื้อเพลิง เพื่อลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ หลังจากที่เขาถูกบังคับให้ต้องกู้ยืมเงินถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ในปี 2018
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
สภาวะทางเศรษฐกิจที่ตกต่ำของอาร์เจนตินาในปัจจุบัน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 50% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า จีดีพีของอาร์เจนตินาจะจะหดตัวลง 1.2% ภายในสิ้นปีนี้
โดยผลการลงคะแนนเลือกตั้งเบื้องต้น 95% พบว่านายเฟอร์นันเดซได้รับคะแนน 48% ขณะที่นายมากรีได้คะแนน 40.4%
โดยภายหลังได้ทราบผลการเลือกตั้งนายมากรีได้ออกมาแสดงความยินดีต่อนายเฟอร์นันเดซ โดยระบุว่า “ผมขอแสดงความยินดีกับเฟอร์นันเดซ และจะได้เชิญมาพบกันเพื่อจะได้มีการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นระบบ ซึ่งสิ่งสำคัญคืออนาคตของชาวอาร์เจนตินาทั้งหมด”
ขณะที่ นายเฟอร์นันเดซระบุว่า “เราจะร่วมมือกันในทุกสิ่งที่เราทำได้ เพราะสิ่งเดียวที่เรามุ่งเน้นคือการยุติความทุกข์ยากของชาวอาร์เจนตินาทุกคน” โดยทั้งสองคนจะเข้าพบกับนายมากรีในวันนี้ (28 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่นายเฟอร์นันเดซมีกำหนดเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 10 ธ.ค. ที่จะถึงนี้
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางของอาร์เจนตินาก็ประกาศว่า จะดำเนินมาตรการควบคุมค่าเงินอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น โดยจะจำกัดการซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐของบุคคลทั่วไปเหลือเพียง 200 ดอลลาร์ต่อเดือน จากเดิมที่สามารถซื้อขายได้ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน โดยมาตรการเหล่านี้เป็นความพยายามรักษาเงินทุนสำรองของธนาคารกลางซึ่งจะมีผลถึงเดือน ธ.ค. เช่นดียวกัน