เลือกตั้ง “รัฐเคนทักกี” พลิกโผ ส่งสัญญาณถึง “ทรัมป์” อาจพ่ายแพ้ศึกชิง ปธน.ปีหน้า

โลกกำลังจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปี 2020 ซึ่งนับเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่สุดอีกครั้งหนึ่ง โดยที่ผ่านมาประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เลื่องลือในเรื่องการดำเนินนโยบายสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ทั้งนี้อาจต้องมาลุ้นกันว่า “มิสเตอร์ทรัมป์” จะได้รับตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นสมัยที่ 2 หรือไม่นั้น

ถึงแม้ว่าจะเหลือเวลาอีก 1 ปี แต่การขับเคี่ยวทางการเมืองเริ่มดุเดือดทั้งจากการดำเนินกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต รวมถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2562 ใน 4 มลรัฐ ได้แก่ เคนทักกี, เวอร์จิเนีย, มิสซิซิปปี้ และ นิวเจอร์ซี ซึ่งผลที่พลิกความคาดหมายคงหนีไม่พ้นการเลือกตั้งผู้ว่าการ “รัฐเคนทักกี” ที่นับเป็นฐานเสียงสำคัญของนายทรัมป์ โดยตัวแทนจากพรรคเดโมแครต “แอนดี้ เบเชียร์” เฉือนชนะ “แมท เบวิน” จากพรรครีพับลิกันไปแบบฉิวเฉียด

ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า การเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐเคนทักกี แสดงได้ถึงความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญของ “พรรครีพับลิกัน” เพราะที่ผ่านมาครองเสียงข้างมากทั้งในเวทีการเมืองระดับท้องถิ่นและเวทีการเมืองระดับชาติมาโดยตลอด ซึ่งได้ครองเก้าอี้วุฒิสมาชิก 2 ตำแหน่ง และเก้าอี้สภาผู้แทนราษฎรถึง 5 ที่นั่งจาก 6 ตำแหน่ง นอกจากนี้ยังได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีติดต่อกันถึง 5 ครั้ง นับตั้งแต่ปี 2000 ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้รับชัยชนะเหนือ “ฮิลลารี คลินตัน” ด้วยคะแนนเสียงทิ้งขาดเป็นประวัติการณ์ถึง 63% ต่อ 33% ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าความพ่ายแพ้ของพรรครีพับลิกันมีความเป็นไปได้ที่น้อยมาก

รายงานระบุว่า แม้ว่าความพ่ายแพ้ของพรรครีพับลิกันในรัฐเคนทักกี อาจมีสาเหตุมาจากความนิยมส่วนบุคคลของประชาชนเอง ตั้งแต่ที่นายแมท เบวิน ผู้ท้าชิง มีปัญหาขัดแย้งกับสหภาพแรงงานและถือว่าเป็นผู้ว่าการรัฐที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุดในประเทศ แต่ก็น่าสนใจว่า กระแสความนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ ในรัฐเคนทักกี้จะถดถอยลงมากน้อยเพียงใด

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฝีปากกล้า ได้กล่าวปราศรัยต่อหน้ามวลชนในช่วงเวลาหาเสียงโค้งสุดท้ายก่อนการลงคะแนนในรัฐเคนทักกี้ กล่าวว่า “หากพรรคพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมจะถูกเย้ยหยันว่าเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าอับอายที่สุดในประวัติศาสตร์ของทรัมป์ พวกคุณปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับตัวผมไม่ได้”

ขณะที่ สมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนก่อนหน้านี้แทบไม่เคยวิจารณ์การกระทำใด ๆของนายทรัมป์ เนื่องจากเห็นว่ากระแสความนิยมของประชาชนยังอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมต่อตัวประธานาธิบดี ซึ่งถือว่าเป็นฐานเสียงที่สำคัญสำหรับพวกเขาในการเลือกตั้งแม็ตสำคัญ 2020

อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งที่ออกมาครั้งล่าสุดนี้ อาจทำให้พวกเขาต้องกลับมาคิดกันใหม่ ซึ่งนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าจับตามองว่าปฏิกริยาของสมาชิกพรรครีพับลิกันต่อ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และที่สำคัญที่สุดอาจเป็นสัญญาณเตือนไปถึงตัวของ ทรัมป์ เองก็เป็นได้

ทั้งนี้ ผลการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐเคนทักกี, การเลือกตั้งสภานิติบัญญัติรัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากได้เป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี รวมถึงการเลือกตั้งสภาคองเกรสเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้พรรคเดโมแครตสามารถคว้าเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ ซึ่งหลายๆ เสียงก็ต่างคาดเดากันว่า เป็นการส่งสัญญาณเป็นนัยๆ ว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ อาจไม่ได้เป็นประธานาธิบดีในสมัยที่ 2”