สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นำธุรกิจไทยร่วมออกบูธในงาน Singapore FinTech Festival 2019 (SFF 2019) ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 11 – 13 พ.ย. นี้ ตอกย้ำแผนพัฒนาตลาดทุนด้านส่งเสริมภาคธุรกิจดิจิทัลให้ปรับตัวเท่าทันความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี
สำหรับงาน SFF ในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 โดยธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) เป็นผู้จัดงานหลัก มีผู้ร่วมออกบูธกว่า 1,000 ราย และมีผู้เข้าร่วมงานราว 60,000 คนจาก 130 ประเทศทั่วโลก นับเป็นมหกรรมฟินเทคที่ใหญ่ที่สุดในโลก
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
นายราวี เมนอน กรรมการผู้จัดการ MAS ระบุว่า งาน SFF ครั้งนี้มีเป้าหมายในการสร้างความคิดใหม่ต่อเทคโนโลยีทางการเงินหรือ “ฟินเทค” (re-imaging fintech) ที่ไม่ใช่เพียงการสร้างนวัตกรรมทางการเงินเท่านั้น แต่ต้องสามารถเปลี่ยนแปลงโลก และสร้างระบบนิเวศทางการเงินที่สามารถช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้ตามแนวคิด “ยั่งยืน รักษ์โลก และดียิ่งขึ้น”
โดยงานในปีนี้เน้นในเรื่องการออกแบบและการนำฟินเทคมาใช้ เพื่อพัฒนาภาคการเงินให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการระดมทุนและการเข้าถึงแหล่งทุนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
ด้าน ก.ล.ต. ได้นำ SMEs ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของไทยเข้าร่วมจัดแสดงภายในบูธ ก.ล.ต. ด้วยด้วยจำนวน 4 บริษัท โดย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท โกลบอล ไพร์ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท โกลบอล ฟินเทค จำกัด เสนอโดยสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และอีก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท สมาร์ทคอนแทรคท์ (ไทยแลนด์) จำกัด เสนอโดยสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. ระบุหลังพิธีเปิดบูธ ก.ล.ต. ว่างาน SFF ในปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ ก.ล.ต. ร่วมออกบูธ โดยต้องการสร้างความตระหนักรู้ในเวทีนานาชาติถึงบทบาทเชิงรุกของ ก.ล.ต. ในการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาตลาดทุน และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทำงาน ลดต้นทุนของผู้ประกอบธุรกิจ ช่วยเพิ่มความโปร่งใส น่าเชื่อถือ และตรวจสอบได้ โดยการนำ Distributed Ledger Technology (DLT) มาใช้เป็นโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของตลาดทุนไทย
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุน SMEs ไทยและกิจการร่วมลงทุน ในการปรับตัวให้เท่าทันกับเทคโนโลยี และสามารถใช้ประโยชน์จากตลาดทุนในการระดมทุน ตามนโยบายของรัฐบาล ควบคู่กับการคุ้มครองผู้ลงทุน
ทั้งนี้ ภายในบูธของ ก.ล.ต. ในช่วงเช้าของวันนี้ (11 ต.ค.) มีผู้สนใจเข้ามาสอบถามข้อมูลกว่า 200 คน โดยส่วนใหญ่สอบถามเกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของ ก.ล.ต.ในด้านดิจิทัล โครงการ DLT และข้อมูลเกี่ยวกับการระดมทุนแบบคราวด์ฟันดิง
