“อาลีบาบา” ทุบสถิติแคมเปญ 11.11 ช็อปวันเดียว โกยรายได้เพิ่มอีก 26% จากปีก่อน

เว็บไซต์ข่าว techcrunch ของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า “อาลีบาบา กรุ๊ป” ทุบสถิติสร้างยอดขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มบนแคมเปญ “วันคนโสด” มหกรรมงานลดราคาสินค้าในวันที่ 11 เดือน 11 ปีนี้ หรือเรียกสั้นๆ ว่า “11.11” สูงสุดอยู่ที่ 38,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของยอดขายสินค้าต่อวัน เทียบกับปีก่อนที่มียอดขายอยู่ที่ 30,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นอีกราวๆ 26% จากครั้งก่อน

โดยเพียง 68 วินาที แคมเปญนี้สามารถกอบโกยรายได้จากฐานลูกค้ามากถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขยับเพิ่มเป็น 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ซึ่งในปีนี้มีผู้เข้าร่วมแคปเปญนี้มากกว่า 500 ล้านคนจากทั่วโลก โดยสินค้าที่ขายดีที่สุด คือ “สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และ สินค้าจำพวกแฟชั่น”

“วันคนโสด” มหรรมช็อปปิ้งประจำปีของอาลีบาบา เป็นแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นการจับจ่ายโดยการจัดโปรโมชั่นและลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 1 ปี ซึ่งก็คล้ายๆ กับ “Black Friday” เทศกาลหั่นราคาแรงของสหรัฐในวันศุกร์หลังจากวันขอบคุณพระเจ้า หรือวันศุกร์สัปดาห์ที่ 4 ของเดือน พ.ย. ของทุกปี ซึ่งปี 2018 ที่ผ่านมา เทศกาลนี้ที่กินระยะเวลานานถึง 5 วัน สามารถทำยอดขายได้ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนอีกเทศกาลวันช็อปปิ้งใหญ่ของสหรัฐอย่าง “Cyber Monday” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันจันทร์ถัดจากวัน “Black Friday” โดยจะเป็นการลดราคาเฉพาะร้านค้าในออนไลน์เท่านั้น โดยปีก่อนแคมเปญไซเบอร์มันเดย์ กระตุ้นยอดจับจ่ายไปได้ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ซึ่งอีกไม่กี่อึดใจก็จะเกิดแคมเปญใหญ่ 2 แพลตฟอร์มจากสหรัฐอีกครั้ง โดยในปีนี้ “Black Friday” จะจัดขึ้น 29 พ.ย.ที่จะถึงนี้ ส่วน “Cyber Monday” จะเริ่มขึ้นในวันที่ 2 ธ.ค.ต่อเนื่องกัน น่าติดตามว่าชัยชนะครั้งใหม่ของอาลีบาบากับแคมเปญ “วันแห่งคนโสด” จะไปกระตุ้นให้ให้ทั้ง 2 แคมเปญที่เหลือสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้มากแค่ไหน เมื่อเทียบกับความสำเร็จของอาลีบาบาในปีนี้

รายงานชี้ว่า ความสำเร็จของแคมเปญนี้ของอาลีบาบา ส่วนหนึ่งมีปัจจัยสำคัญจากการมีแพลตฟอร์มที่รองรับตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกจำนวนมาก อาทิ “Aliexpress” ซึ่งเป็นตัวกลางเปิดตลาดสินค้าแบรนด์จีนไปยังตลาดทั่วโลก, “Tmall” ซึ่งนำแบรนด์สินค้าต่างชาติมายังลูกค้าชาวจีน, “Taobao” ฝ่ายดูแลตลาดอีคอมเมิร์ซของจีน รวมถึงเรือธงอย่าง “Lazada” เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชั้นนำที่ดูแลตลาดในอาเซียน ซึ่งมีจำนวนร้านค้าและนักช็อปเพิ่มขึ้น 2 เท่าในปีนี้

นอกจากนี้ ในปีนี้มีศิลปินชื่อดังอย่าง เทย์เลอร์ สวิฟต์ เข้าร่วมกิจกรรมโปรโมตที่เซี่ยงไฮ้ คิม คาร์ดิเชียน ได้ประกาศผ่านการไลฟ์สดบนแพลตฟอร์มของอาลีบาบาว่าจะนำสินค้าแบรนด์ดังอย่าง KKW เข้าร่วม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสร้างความสำเร็จของแคมเปญครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม อาลีบาบา ยังมีคู่แข่งรายใหญ่จากดินแดนเดียวกันอย่าง “JD.com” และ “Pindoudou” ซึ่งมีฐานลูกค้าตามเมืองเล็กๆ และยังมีระบบขนส่งสินค้าที่ดีกว่าและรวดเร็วกว่าของอาลีบาบาด้วย ขณะที่การแข่งขันยักษ์ใหญ์อีคอมเมิร์ซทั้ง 3 แห่งดำเนินไปอย่างดุเดือด ทั้ง JD.com และ Pindoudou รวมถึงคู่แข่งชั้นนำจากตะวันตก อย่าง “Amazon” และ “Walmart” ต่างก็มีการจัดแคมเปญลดราคาสินค้าเป็นประจำทุกปีเพื่อดึงดูดลูกค้านักช็อปด้วยเช่นกัน