“อาลีบาบา”เดินหน้าขายหุ้น IPO ตลาดฮ่องกง ท่ามกลางการประท้วงดุเดือด

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานวันนี้ (14 พ.ย.62) ระบุว่า “อาลีบาบา กรุ๊ป” เตรียมดำเนินการขายหุ้นไอพีโอในตลาดหุ้นฮ่องกงมูลค่า 13,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ซึ่งเป็นแผนระดมทุนเพื่อยกระดับการให้บริการของบริษัทอีคอมเมิร์ซชื่อดังจากจีน ท่ามกลางการประท้วงฮ่องกงที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 เดือน โดยหุ้นอาลีบาบาจะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในวันที่ 26 พ.ย. นี้

ทั้งนี้การที่อาลีบาบานำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพยฮ่องกง ถือว่าเป็นการทำ Dual Listing หลังจากที่อาลีบาบาได้นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กแล้วตั้งแต่ปี2014

โดยร่างหนังสือชี้ชวนเสนอขายหุ้นไอพีโอในฮ่องกงจำนวน 661 หน้า ซึ่งถูกเปิดเผยต่อนักลงทุนสถาบันในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวานนี้ (13 พ.ย.62)  ระบุว่า อาลีบาบา วางแผนนำเงินจากการระดมทุนครั้งนี้เพื่อนำไปอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนให้กับแพลต์ฟอร์มของบริษัท อาทิ “ele.me” ผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่ของบริษัท และ “Fliggy”  ผู้ให้บริการแพลต์ฟอร์มการท่องเที่ยว เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทยังตั้งเป้าเพิ่มงบลงทุนสำหรับระบบ “Clound Computing” และ “Machine Learning”

รอยเตอรส์อ้างถึงแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตน ระบุว่า อาลีบาบาจะดำเนินการสำรวจความต้องการซื้อหุ้น (Book Building) กับนักลงทุนสถาบันเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถกำหนดราคาขายหุ้นได้ในวันที่ 20 พ.ย.นี้

ทั้งนี้ เศรษฐกิจฮ่องกง ที่เข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ซึ่งมีสาเหตุมาจากสงครามการค้าและการประท้วงบนเกาะฮ่องกง โดยปัจจัยความขัดแย้งทางการเมืองเหล่านี้ ทำให้ “อาลีบาบา” ตัดสินใจชะลอแผนเข้าจดทะเบียนและเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงก่อนหน้านี้ จากเดิมที่กำหนดจะเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า อาลีบาบา ได้ประเมินสถานการณ์การประท้วงบนเกาะฮ่องกงว่าอาจจะส่งผลต่อการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมืองได้ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะว่า ความต้องการของนักลงทุนจำนวนมากที่ต้องการลงทุนซื้อหุ้นอาลีบาบา ทำให้บริษัทมั่นใจต่อการตัดสินใจเสนอขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในฮ่องกงจะได้เสียงตอบรับค่อนข้างดี


น่าสนใจว่า การเพิ่มจำนวนหุ้นของ “อาลีบาบา” ในตลาดหุ้นของฮ่องกงจะส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าต่อหุ้นซึ่งลดลง หรือที่เรียกว่า “dilution effect” ซึ่งอาจส่งผลกระทบทางลบต่อราคาหุ้นที่มีการซื้อขายอยู่บนตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่า “ราคาหุ้นอาลีบาบา” ที่จะทำการเสนอขายบนตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงจะมีมูลค่าน้อยกว่าราคาหุ้นที่ซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กประมาณ 5%