นับตั้งแต่ปี 2018 “จีน” เผชิญปัญหา “โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร” ซึ่งรัฐบาลสั่งฆ่าหมูจำนวนหลายล้านตัว ขณะที่เดือน เม.ย. ปีนี้ ปัญหาดังกล่าวซัดกระหน่ำจีนอีกครั้งจนทำให้การขาดแคลนเนื้อหมูในประเทศยกระดับ “วิกฤต” อย่างหนัก
รอยเตอร์ส รายงานล่าสุด เมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.62) ตามเวลาสหรัฐ “จิม ซัมเนอร์” ประธานสภาการส่งออกสัตว์ปีกและไข่ของสหรัฐอเมริกา และผู้แทนการค้าของสหรัฐ ยืนยันตรงกันว่า รัฐบาลจีนได้ประกาศ “ยกเลิก” มาตรการห้ามนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกจากสหรัฐ เป็นเวลาเกือบ 5 ปี ซึ่งทำให้สหรัฐได้อานิสงส์จากการตัดสินใจครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่าการส่งออกสินค้าสัตว์ปีกมายังจีน ประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/ปี
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- KNLA ถอนกำลังจากเมียวดี ไปโจมตีทหารเมียนมากองพล 55 ผู้ลี้ภัยข้ามฝั่งกลับแล้ว
การยกเลิกครั้งนี้ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญจากฝ่ายจีน ท่ามกลางการตัดสินใจระหว่างสหรัฐและจีนสำหรับการลงนามการค้า “ระยะหนึ่ง” เร็วๆ นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ค่อนข้างไปในทิศทางลบต่อข้อตกลงทั้งสอง โดยผู้นำรายนี้ข่มขู่จีนว่าจะยกระดับการขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจีน หากไม่มีการลงนามร่วมกัน
ทั้งนี้ ประธานสภาการส่งออกสัตว์ปีกและไข่ของสหรัฐ กล่าวว่า จีนซึ่งเป็นผู้บริโภคเนื้อหมูรายใหญ่สุดของโลก ดังนั้น การเปิดทางนำเข้าสัตว์ปีกของสหรัฐ ไม่ว่าจะเนื้อไก่ ไก่งวง และเนื้อเป็ด เพื่อชดเชยการขาดแคลนเนื้อหมูในประเทศ มีส่วนทำให้ปัญหาการขาดดุลการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐดีขึ้น ซึ่งอาจจะนำไปสู่การสงบศึกสงครามการค้าได้
จีน ประกาศยกเลิกการคว่ำบาตรนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกจากสหรัฐ เพื่อชดเชยปัญหาขาดแคลนเนื้อหมูเนื่องจากการระบาดของโรคอหิวาต์สุกรแอฟริกา ที่ทำให้สุกรในประเทศจีนตายไปหลายล้านตัวในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา
ขณะที่เมื่อคืนนี้ คำประกาศยกเลิกคว่ำบาตรการนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกจากสหรัฐ ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทผู้ผลิตเนื้อสัตว์ปีกในสหรัฐเพิ่มขึ้น เช่น Tyson Foods เพิ่มขึ้น 2.1%, Sanderson Farms เพิ่มขึ้น 4.1% รวมไปถึง บริษัท Pilgrim’s Pride Corpที่เพิ่มขึ้น 1%